#คู่ที่1 ศึกการดวลกำปั้นของนักชกชาวไทยปะทะนักชกชาวจีน ในรุ่นพิกัดน้ำหนัก 58 กิโลกรัม กำหนดการชกทั้งหมด 3 ยก VS
“สังขพงศ์ โฉมยงค์” นักชกชาวไทยผู้ผ่านสังเวียนแห่งนี้มาแล้วถึง 3 ไฟต์ และเก็บแต้มคว้าชัยชนะรวดเดียวถึง 3 คะแนน ซึ่งไฟต์ที่ผ่านมาสามารถเอาชนะคะแนนนักชกชาวไทยมาได้อย่างสูสี ในศึกครั้งที่ 4 ของ สังขพงศ์ จะต้องเจองานหินอย่าง “เซียเจิ้งเหว่ย” นักชกชาวจีนผู้เคยผ่านสังเวียนแห่งนี้มาแล้ว แต่ต้องพ่ายแพ้ไปเพราะรุ่นน้ำหนักการชกที่ใหญ่เกินไป ทำให้ เซียเจิ้งเหว่ย ต้องลดน้ำหนักลงมาในรุ่นที่ได้เปรียบที่สุด ในไฟต์นี้แฟนมวยสากลอาชีพจะได้เห็นสไตล์การชกที่บู๊ล้างผลาญตลอด 3 ยก ของทั้งคู่ อย่างแน่นอน ห้ามพลาดเด็ดขาด
#คู่ที่2 เป็นการปะทะกันระหว่างนักชกชาวไทยทั้งคู่ ในรุ่นพิกัดน้ำหนัก 62 กิโลกรัม ชกทั้งหมด 3 ยก VS
“อัศยุทธ พันนุมา” นักชกหนุ่มไฟแรงที่ก้าวเท้าขึ้นสู่สังเวียน The Fighter Next Generations มาแล้ว 2 ไฟต์ และเอาชนะคู่ต่อสู้มาได้ 2 ครั้ง ด้วยสไตล์การชกที่แม่นยำและรวดเร็ว ทำให้ตนเอาชนะคะแนนคู่ต่อสู้มาได้อย่างไม่ยากเย็น ศึกนี้ อัศยุทธ จะต้องมาเจอนักชกสายบู๊หมัดหนักอย่าง “ชัยพฤกษ์ ชัยนิคม” นักชกมากประสบการณ์ ผ่านคู่ต่อสู้มาไม่น้อยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ กับสถิติการชกทั้งหมด 7 ครั้ง ชนะ 6 แพ้ 1 ไฟต์นี้จะเป็นงานยากของ อัศยุทธ แน่ๆ ว่าจะคว้าชัยเก็บแต้มที่ 3 เพื่อเป็นการเข้าสู่รอบต่อไปได้หรือไม่
#คู่ที่3 ลุ้นกันต่อกับคู่ที่ 4 การดวลกำปั้นของนักชกชาวไทยปะทะนักชกชาวอิหร่าน ในรุ่นใหญ่ที่สุด พิกัดน้ำหนัก 66 กิโลกรัม กำหนดการชกทั้งหมด 3 ยก VS
“ศักดิ์กิตติ ปัญญาอภิวงศ์” นักชกผู้เคยผ่านสังเวียนของรายการ The Fighter World Boxing มาแล้ว 4 ไฟต์ และเอาชนะคู่ต่อสู้โดยการชนะน็อคถึง 4 ครั้ง โดยยังเป็นนักชกไร้พ่าย ครั้งนี้ตนขอเปิดตัวใหม่ในรายการ The Fighter Next Generations เพื่อคว้าเงินรางวัลสูงสุดถึง 300,000 บาท กลับบ้านไปให้ได้ แต่จะผ่านไปถึงระดับสูงสุด ศักดิ์กิตติ จะต้องเจอกับคู่ต่อสู้ชาวต่างชาติก่อนในไฟต์แรกอย่าง “อัฟชิน โคดายาริ” นักชกชาวอิหร่าน ผู้ผ่านสังเวียนมวยไทย มวยสากลอาชีพ มาแล้วหลายรายการ เป็นคู่ต่อสู้ที่ ศักดิ์กิตติ จะประมาทไม่ได้อย่างเด็ดขาด
VS 
News Photo Credit :: TL & Galaxy Boxing Promotion
*คลิก* ติดตามต่อกับพันธมิตรข่าวเว็บ boxingboy2021.blogspot.com
