<<>> จุดติดเดินเครื่องกันต่อไป สำหรับโปรแกรมมวยโลก เมืองไทย หลังจากหลีกทางให้กับมวลมนุษย์ชาติเข้าร่วมกีฬาเอเชียนเกมส์ จบลง ล่าสุด ศึกเดือด The Fighter Next Generations กับการเฟ้นหานักชกจากทั่วโลกมาชกสากลอาชีพทั้งหมด 5 คู่ 5 รุ่น เพื่อปลุกปั้นนักชกอาชีพมุ่งสู่บัลลังก์โลก สรรสร้างโดยโปรโมชั่นคุณภาพอย่าง TL Boxing Promotion โดยท่านเอี๊ยง “ถ้าคุณชนะ คุณได้ไปต่อ” ชนะครบ 6 ไฟต์ แพ้คัดออก รับเงินรางวัลรวมสูงสุดถึง 300,000 บาท จัดทุกต้นเดือน ประเดิมแน่นอนแล้ว วันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม 2566 ถ่ายทอดสดทาง Workpoint ช่อง 23 ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป วันนี้เรามาดูรายละเอียดของรายการกันนะครับ..
เปิดหัวรายการของคู่ที่ 1 ในรุ่นพิกัดน้ำหนัก 51 กิโลกรัม
“พงศกร ไพโรจน์วิรุฬห์” นักมวยสากลอาชีพดีกรีเหรียญรางวัลมากมายในการชกมวยสากลมาแล้วหลายรายการ และไฟต์ล่าสุดพึ่งคว้าชัยแต้มแรกให้กับตนมาได้ ครั้งนี้ตนจะต้องมาเจอกับรุ่นพี่อดีตขุนพลเสื้อกล้ามทีมชาติไทยอย่าง “ธนกร สุวรรณกูล” นักชกชาวไทยที่คว้าชัยให้กับตัวเองมาเมื่อไฟต์ล่าสุดเหมือนกัน คราวนี้ทั้งคู่ต้องมาประมือกันเองในรุ่นน้ำหนักที่ท้าทายทั้งคู่ ว่าใครจะอยู่ใครจะได้ไปต่อ รับรองความเดือดให้กับคู่นี้แบบเกรดเอกันเลยทีเดียว
คู่ที่2 เป็นการดวลเดือดระหว่างนักชกชาวไทยปะทะนักชกชาวอิหร่าน ในรุ่นพิกัดน้ำหนัก 66 กิโลกรัม กำหนดการชกทั้งหมด 3 ยก
“ขจรศักดิ์ วิโรจน์” นักมวยไทยดีกรีแชมป์ที่เบนเข็มเข้าสู่มวยสากลอาชีพแบบเต็มตัว เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าดีพอที่จะอยู่บนเส้นทางนี้หรือไม่ โดยศึกนี้ขอท้าดวลกับนักชกวัย 18 ปี ชาวอิหร่าน “ยูเนส เอสไมอิลิซาเดห์” นักชกหนุ่มใจแกร่ง กับสไตล์การชกที่บู๊ ดุดัน ปลุกปั้นโดยทีมงาน Cyrus ที่ปั้นนักชกชาวต่างชาติโหดๆมาแล้วหลายคน คู่นี้ถือเป็นรุ่นน้ำหนักที่ใหญ่ที่สุดของรายการ ด้วยพลังกำปั้นที่หนักหน่วงของทั้งคู่ จะต้องมีคนที่โดนนับและน็อคอย่างแน่นอน
คู่ที่3 นักชกชาวไทยปะทะนักชกชาวจีน ในรุ่นพิกัดน้ำหนัก 62 กิโลกรัม
“อัศยุทธ พันนุมา” นักมวยสากลอาชีพร่างโย่งฝีมือไม่ธรรมดา ซึ่งในไฟต์ที่ผ่านมา เป็นงานยากของ อัศยุทธ ที่เจอกับนักชกชาวอิหร่านจอมบู๊ ถลุงหมัดใส่ไม่ยั้งจนอัศยุทธต้องพ่ายคะแนนให้กับนักชกชาวอิหร่านไป แต่ด้วยปัญหาในการทำน้ำหนักของนักชกชาวอิหร่านก่อนขึ้นชก ทำให้อัศยุทธยังคงได้ชกต่อในรายการ และพิสูจน์ตัวเองใหม่อีกครั้งกับการปะทะกับนักชกชาวจีน “จ้าว เซียนเหริน” นักชกประสบการณ์ผ่านมวยแม้จะน้อยกว่า อัศยุทธ แต่ด้วยความสดและความฟิตในวัย 23 ปี คงทำให้ อัศยุทธ ผ่านไฟต์นี้ไปได้ไม่ง่าย
คู่ที่4 นักชกชาวไทยทั้งคู่ ในรุ่นพิกัดน้ำหนัก 59 กิโลกรัม
“สังขพงศ์ โฉมยงค์” นักชกชาวไทยผู้ผ่านสังเวียนแห่งนี้มาแล้ว 2 ไฟต์ และเก็บแต้มคว้าชัยชนะมาถึง 2 คะแนน ซึ่งไฟต์ที่ผ่านมาสามารถเอาชนะคะแนนนักชกชาวฝรั่งเศสมาได้อย่างสูสี ในศึกครั้งที่ 3 ของ สังขพงศ์ จะต้องเจองานหินอย่าง “อภิสิทธิ์ บุญตั้ง” นักชกเด็กหนุ่มวัย 19 ปี ดีกรีผ่านนักมวยสากลอาชีพโหดๆมาแล้วหลายไฟต์ และมีฝีมือกับประสบการณ์การชกมาอย่างโชกโชน ถึงแม้ด้วยอายุที่ยังน้อย แต่ผลงานการชกของ อภิสิทธิ์ ก็ไม่ธรรมดา สังขพงศ์ จะต้องทำการบ้านในการแก้เกมบนเวทีเพื่อผ่านไฟต์นี้ไปให้ได้
#คู่ที่5 ปิดท้ายรายการของไฟต์นี้ด้วยคู่ที่แฟนมวยรอคอย เป็นการปะทะกันระหว่างนักชก Street Fight ชื่อดังชาวไทย ดวลเดือดกับนักชกชาวอิหร่าน ในพิกัดน้ำหนัก 60 กิโลกรัม กับการชกทั้งหมด 3 ยก VS
“เหยิน โจ๊กเกอร์” นักชกผู้มีเอกลักษณ์โดดเด่นและมีชื่อเสียงในแวดวงกีฬามวยแบบ Street Fight เคยขึ้นชกกับรายการมวยไทยใหญ่ จนเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศไทย ในครั้งนี้ตนจะมาโชว์ลวดลายความบ้าระห่ำด้วยการชกในรูปแบบมวยสากลอาชีพครั้งแรกกับ “เรซา ไซรัส” จากทีมงานของ Cyrus อีกหนึ่งคนที่ส่งเข้าประกวดในไฟต์นี้ เรซา นักชกเด็กหนุ่มวัย 17 ปี ผ่านประสบการณ์การชกมวยมาไม่น้อย มาดูกันว่าใครจะอยู่ใครจะไปจนถึงฝั่งฝันในการคว้าเงินรางวัลถึง 300,000 บาท ต่อไป…
News Photo Credit :: TL & Galaxy Boxing Promotion
*คลิก* ติดตามต่อกับพันธมิตรข่าวเว็บ boxingboy2021.blogspot.com