ริวเซย์ ได้รับบทนำใน ภาพยนตร์เรื่อง ฮารุ นิ จิรุ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับ จินิชิ ฮิโรโอกะ (โคอิจิ ซาโตะ) อดีตนักมวยซึ่งพ่ายแพ้แบบน่ากังขาในไฟต์สำคัญและย้ายไปอยู่สหรัฐอเมริกา ก่อนจะกลับมาญี่ปุ่น และพบกับ โชโก คุโรกิ (ริวเซย์) นักชกรุ่นหลานซึ่งประสบชะตากรรมเดียวกันจนทำให้เสียสูญในเส้นทางนักชก ก่อนที่จะผลักดันให้ คุโรกิ กลับมาไล่ล่าตำแหน่งแชมป์
โดยระหว่างถ่ายทำ ริวเซย์ ทุ่มเทกับบทบาทอย่างมากและไปเรียนมวยสากล ภายใต้การดูแลของ ไทเกน ยิม โดยมี ทากาชิ อุจิยามา อดีตแชมป์รุ่น ซูเปอร์เฟเธอร์เวท เป็นเทรนเนอร์ให้
“ผมเริ่มชกมวยเมื่อ เม.ย.ปีก่อนเพื่อเตรียมรับบทนี้ และผมยังชกมวยต่อไปแม้วาจะถ่ายทำเสร็จแล้ว” โยโกฮาม่า ซึ่งเข้าสอบในพิกัดเฟเธอร์เวท 57 ก.ก. เปิดเผย
ในอดีต โยโกฮาม่า ซึ่งโด่งดังจากการรับบท จิโร อิเซกิ ใน คาเมน ไรเดอร์ โฟร์เซ่ เคยได้แชมป์รุ่น 55 ก.ก. ชาย รุ่นอายุ 14 ปีในการแข่งขัน คาราเต้ เคียคุชิน ครั้งที่ 7 ก่อนหน้านี้เคยรับบทเป็นนักคิกบ็อกซิ่งในภาพยนตร์เรื่อง “ยัว อายส์ เทล” ซึ่งครั้งนั้นเจ้าตัวก็เข้าฝึกคิกบ็อกซิ่งเต็มรูปแบบ เช่นกัน แต่กับมวยดูเขาจะจริงจังมากกว่า..
สำหรับ ทาคาชิ “บาซูก้า” อูจิยาม่า เริ่มต้นเทิร์นโปรเมื่อ 16 ก.ค. 2005 และก็โชว์เยี่ยมเขากวาดชัยชนะรวด 13 ครั้ง จนได้ขึ้นครองแชมป์โลก 130 WBA เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2010 สามารถป้องกันเข็มขัดยาวนานถึง 5 ปี ปราบมวยดังสตาร์โลก รวมถึงยอดมวยไทยเราอย่าง จอมทอง ชูวัฒนะ จนกลายเป็นฮีโร่ของวงมวยยุ่น ดังสุด ๆ แต่กับการป้องกันแชมป์ครั้งที่ 12 เขาต้องพบกับการพ่ายแพ้แบบคาดไม่ถึง ไม่น่าเชื่อว่า อูจิยาม่า จะพลาดแบบไม่มีการแก้ตัวต่อหน้าแฟนมวยเจ้าถิ่นของเขาเอง เมื่อโดนเจ้า คอร์ราเลส ฉกฉวยโอกาสทองอย่างมืออาชีพทันทีที่เห็นเหยื่อเพลี่ยงพล้ำ
ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกดูไปแล้ว อูจิยาม่าจะได้เปรียบ เพราะเจ้าคอร์ราเลส เกือบจะไม่ผ่านการชั่งน้ำหนัก ต้องชั่งถึงสองครั้ง แต่สุดท้าย เก็บฉากส่งเจ้าบ้านอูจิยาม่าจบยก 2…เข็มขัดหลุด
แม้จะแก้มืออีกครั้งแต่เขาก็ทำไม่สำเร็จ พ่ายแต้มไปอีก เขาปิดฉากโดยการประกาศแขวนนวม ทิ้งสถิติไว้ที่ ชนะ 24 น็อก 20 แพ้2 เสมอ1 กับวัย 37 ปี…
