<<>> กลายเป็นมหากาพย์นอกสังเวียนที่อีพิคไม่แพ้ไฟต์บนสังเวียนเลยนะครับสำหรับการเจรจาเพื่อจัดไฟต์ภาคสามระหว่าง Tyson Fury (30-0-1, 21 KO) แชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวธของ WBC และ The Ring กับ Deontay Wilder (42-1-1, 41 KO) ซึ่งท้ายที่สุดก็กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 10 ตุลานี้แล้ว
หลังจากที่ Fury เอาชนะน็อค Wilder ได้ในไฟต์ภาคสองเมื่อเดือนกุมภาปีก่อน ทางฝั่ง Wilder ก็ได้ออกมาเรียกร้องขอใช้สิทธิรีแมตช์กับ Fury ตามที่ระบุไว้ในสัญญา ทว่ากลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจนตัวไฟต์ไม่ได้เกิดขึ้นซักที
 
 
 
 
สุดท้าย Fury ก็ได้ออกมาแถลงแบบเนียนๆเฉยเลยว่าเงื่อนไขจัดไฟต์ภาคสามของเขากับ Wilder ได้หมดอายุลงแล้ว ก่อนจะหันไปเจรจากับ Anthony Joshua เพื่อหาทางจัดไฟต์ล้มแชมป์โลกสี่สถาบันหลักแทน
แหงล่ะครับว่า Wilder ไม่ยอม เพราะเขาทราบดีว่าเงื่อนไขรีแมตช์ที่ว่ามันยังไม่หมดอายุและจัดการนำเรื่องขึ้นฟ้องในชั้นศาลซะเลย ส่งผลให้ Fury ที่รู้ชะตากรรมดีว่าตัวเองคงแพ้คดีแน่ๆไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจำใจยอมรีแมตช์กับ Wilder อีกครั้งนึง
 
 
“หลายๆคนอาจจะหมดหวังไปแล้ว แต่ผมยังเชื่ออยู่นะว่าไฟต์ของผมกับ Joshua จะได้เกิดขึ้นแน่ๆ เขาทำเป็นปากดี แต่ถามทีเถอะ ถ้าได้เจอกันบนเวทีขึ้นมาจริงๆ เขาจะยังเก่งเหมือนปากอยู่มั้ย? ผมว่าไม่เก่งขนาดนั้นแหงๆ” Fury ให้สัมภาษณ์กับ The Overlap
 
 
 
 
“น่าเสียดายที่ Deontay Wilder แมร่งดันมาพาผมขึ้นศาลซะก่อน แถมยังพาทีมทนายที่เทพที่สุดในเขตอเมริกาเหนือเข้าทีมมาด้วย ผมทำอะไรไม่ได้จริงๆ ถึงไม่ผิดก็เหมือนผิด ช่างเถอะ ก็ได้แต่ทำใจยอมรับสภาพอ่ะนะ”
 
 
“ความจริงก็คือเงื่อนไขรีแมตช์ของเรามันหมดอายุลงแล้ว แต่มันดันมีเรื่องโควิดเข้ามาเป็นปัจจัยไง ทำไงได้? ไอ้ผมก็ไม่อยากจะโทษ Deontay หรอก มันไม่ใช่ความผิดของเขาที่เกิดเรื่องแย่ๆนี้ขึ้น และก็ไม่ใช่ความผิดของผมด้วยเหมือนกัน ซึ่งในมุมมองของศาล พวกเขาคิดว่า Deontay เป็นฝ่ายชนะ ผมก็เลยต้องยอมรีแมตช์กับเขาอีกรอบ เรื่องมันก็ประมาณนี้แหละ”
นอกจากนี้ Fury ยังเผยด้วยว่าหากเขาไม่ยอมรีแมตช์กับ Wilder เขาจะต้องชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินสูงถึง 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 2.7 พันล้านบาทเลยทีเดียว
 
 
 [Steve Marcus/Reuters]
 
 
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเข็มขัดเลยนะ มันเป็นที่ตัวสัญญาล้วนๆ รู้มั้ยถ้าผมไม่ยอมรีแมตช์ ผมจะถูกปรับเป็นเงินเท่าไหร่? 80 ล้านไง…80 ล้านเหรียญ”
“ตอนที่ผมเจรจากับ Joshua ผมแอบเสียวไส้มาตลอดแหละว่ามันอาจจะไม่เกิดขึ้นเพราะไอ้เรื่องเรื่องนี้ ซึ่งตัว Joshua กับ Eddie Hearn ก็ทราบเรื่องนี้ดีเหมือนกัน แต่สุดท้ายพอมันล่มลงจริงๆ คนที่ผิดที่สุดดันกลายเป็นผมคนเดียวซะงั้น”
 
 
 
 
 

@ *คลิก* ติดตามต่อกับพันธมิตรข่าว เว็บboxingboy2021.blogspot.comได้เลยครับ

เชิญแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ

comments