<<>> หลังที่ “กิมจิยิ้มแป้น” ชเว ฮยอนมี (18-0-1, 4) สาวเกาหลีใต้ เชื้อสายเกาหลีเหนือ วัย30ปี เจ้าของเข็มขัดแชมป์โลกซูเปอร์เฟเธอร์เวต WBA Female เปิดตัวในอเมริกากับ Matchroom ได้สวย ต้อนแต้ม คาลิสต้า ซิลกาโด้ ผู้ท้าชิงชาวโคลอมเบีย ขาด 99-91, 98-92 และ 97-93 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2563 ปลายปีที่ผ่านมา

 

 

โปรแกรมครั้งต่อไปของเธอได้ถูกจับจองมาตั้งแต่เดือนธันวาคมหลังชกป้องจบลง  และฮอตขึ้นมาทันที พร้อมกับความสนใจจากแฟนมวยสองฝั่งสองแผ่นดิน  เมื่อมีการเปิดข่าวลงตัว ถึงไฟต์ล้มแชมป์สามสถาบันระหว่างเธอ ชเว ฮยอนมี เจ้าของแชมป์โลกซูเปอร์เฟเธอร์เวต WBA กับหญิงแกร่งแดนผู้ดี เทอร์รี ฮาร์เปอร์ (11-0-1, 6) เจ้าของเข็มขัดแชมป์ซูเปอร์เฟเธอร์เวต WBC และ IBO วัย24ปี ในวันที่ 15 พฤษภาคมที่ AO Arena ในแมนเชสเตอร์ สหราชอาณาจักร

 

 

สำหรับ ฮยอนมี แล้ว นี้เป็นการแข่งขันครั้งแรกในยุโรปและเป็นครั้งที่สองในการชกนอกประเทศเกาหลีของเธอ แหล่งข่าวยังเปิดเผยอีกต่อไปว่า ไฟต์นี้น่าจะมาจากการเปิดตัวของเธอที่ตลาดสหรัฐอเมริกา และทำให้ถูกจับตามองจากทีมงานของฮาร์เปอร์ จนได้เปิดการเจรจากันและบรรลุข้อตกลงกันในที่สุด

 

 

และ.. เป็นที่น่าเสียดาย ได้มีการประกาศออกมาแล้วอย่างเป็นทางการ ไฟต์ระหว่าง ฮยอนมี กับ ฮาร์เปอร์ ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว โดยสาเหตุมาจากทาง เจ้าของเข็มขัดแชมป์ซูเปอร์เฟเธอร์เวต2สถาบัน WBC – IBO เทอร์รี ฮาร์เปอร์ ได้รับบาดเจ็บที่มือ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการชกป้องกันตำแหน่งครั้งล่าสุด เมื่อเดือนพ.ย. กับ คาลินน่า Thanderz นักชกนอร์เวย์ ที่เกิดอุบัติเหตุในระหว่างการชก ถึงขั้นกระดุกมือหัก แต่หลังจากการรักษาแล้วอาการก็ยังทรง ไม่หายสนิทนัก ในระหว่างการซ้อมเพื่อเตรียมตัวล้มแชมป์กับ ฮยอนมี   อาการบาดเจ็บก็กลับมาหลอนหลอกเธออีกครั้งในการโหมซ้อมอย่างหนัก เพื่อการศึกในครั้งนี้ จึงจบลงแบบน่าเสียดายแทนสาวกิมจิจริงๆ

 

 

แต่ล่าสุด..18ก.ย. วานนี้ ชเว ฮยอนมี ได้ขึ้นป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกซูเปอร์เฟเธอร์เวต WBAของเขาในไฟต์9 ที่เมืองดงดูชอนในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ กับนักชกสาวแซมบ้า บราซิล ซิโมเน ดา ซิลวา วัย38ปี สถิติสุดสวย ชก17แพ้17 แต่สำหรับเกมบนเวที ฮยอนมีต้องใช้เวลาถึง9ยก จึงจะสะกดสาวแซมบ้าอยู่หมัด หมดทางสู้แพ้ทีเคโอไปในยกนี้เอง เรามาชมคลิปกันครับ..

 

 

FIGHTSandHIGHLIGHTS

 

@ News  Photo Credit :: notifight/@channel KOM THAIREC
 
 
@ *คลิก* ติดตามต่อกับพันธมิตรข่าว เว็บboxingboy2021.blogspot.comได้เลยครับ.

เชิญแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ

comments