<<>> ว่าที่ร้อยตรี จงรักษ์ ลูกพระบาท อดีตแชมป์2รุ่นเวทีราชดำเนินที่เป็นมะเร็งปอดระยะที่4 ระยะสุดท้าย กลับไปรักษาตัวที่บ้านพักในค่ายอดิศรแล้ว อ๊อดน้อย ลูกพระบาท เพื่อนร่วมค่ายฝากคนวงการมวยหยิบยื่นน้ำใจให้ความช่วยเหลือเพราะตอนนี้ถือว่าอาการแย่ ผอมมากๆ
“จงรักษ์ ลูกพระบาท ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้วโด่งดังมาก
 
 
 
 
 
 
ประวัติความเป็นมาของแชมป์เข็มขัด 2 เส้น มีชื่อจริงว่า “จงรัก โสรี” เกิดวันที่ 24 ก.ค. 2509 ที่ อ.เมือง จ.ชัยนาท โดยเป็นบุตรชายคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้อง 4 คน ของ คุณพ่อจ้าย คุณแม่เลี่ยม โสรี ซึ่งมีอาชีพทำนา และด้วยเหตุที่ฐานะทางบ้านยากจน จึงเป็นเหตุให้จงรักต้องหันมาชกมวย เพื่อจะได้มีเงินไว้จับจ่ายใช้สอยโดยไม่ต้องแบมือขอพ่อแม่
 
 
 
โดยช่วงสมัยเด็กอาศัยอยู่ในวัดเป็นเด็กวัดในเขต อ.สรรพยา ได้มีโอกาสหัดมวยที่ค่าย ส.เทียนประเสริฐ ก้าวลอดเชือกขึ้นสังเวียนครั้งแรกภายใต้ชื่อ “นักสู้ ส.มนัสชัย” ขณะมีอายุเพียง 11 ปี ปรากฏว่าเป็นฝ่ายชนะคะแนน ได้ค่าตัว 70 บาท ดีใจแทบตาย หลังจากนั้นก็ตระเวนชกตามเวทีงานวัดต่างๆ และเป็นฝ่ายชนะ 10 ไฟต์รวด ต่อมาได้ย้ายมาอาศัยอยู่ที่ค่าย ส.มนัสชัย ตระเวนชกร่วมกับพี่ชาย (แดงต้อย ลูกพระบาท) อยู่อีก 1 ปี ก่อนที่ชีวิตจะพลิกผัน
 
 
 
 
“ช่วงนั้นผมเร่ร่อนชกมวยไปเรื่อยพร้อมกับพี่ชายคือแดงต้อย สาเหตุที่ไม่กลับไปอยู่บ้านก็เพราะเราหลีกหนีความยากจน คือถ้ากลับไปอยู่ก็ไม่มีอะไรกิน ดังนั้นจึงเร่ร่อนชกมวยไปเรื่อยทั้งที่ชัยนาท นครสวรรค์ สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี ฯลฯ จากนั้นก็มาเจอ น้าเรือง ลพบุรี ซึ่งผมไปอยู่กับเขาเกือบปี จากนั้นน้าเรืองก็นำผมไปฝากฝังอยู่กับ เฮียน้อย วุฒิโสภากรณ์ เจ้าของค่ายมวยลูกพระบาท นี่คือที่มาที่ไปครับ จาก นักสู้ ส.มนัสชัย ก็กลายเป็น จงรักษ์ ลูกพระบาท ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา” จงรักษ์ในวัย 53 ปี ย้อนอดีตให้ฟังด้วยความภาคภูมิใจ
 
 
 
ในช่วงแรกๆ จงรักษ์ ลูกพระบาท ได้มีโอกาสเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตามเวทีภูธรก่อน โดยสังเวียนที่คุ้นเคยขึ้นชกประจำคือเวทีลพบุรี และเวทีค่ายอดิศร จ.สระบุรี
 
 
 
 
 
“ผมได้มีโอกาสชกเมืองกรุงครั้งแรกก็เพราะ แดงน้อย ลูกพระบาท เกิดป่วย ทางเฮียน้อยเลยนำผมมาชกแทนในรายการศึกจตุโชค ของ จ่าชัยวัฒน์ จตุวัฒน์ ที่เวทีลุมพินี วันนั้นจำชื่อคู่ชกไม่ได้แต่จำได้เพียงว่าเป็นฝ่ายชนะคะแนนได้ค่าตัว 1.5 พันบาท หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสชกอีกและเป็นฝ่ายชนะเรื่อยมา โดยไฟต์ที่เอาชนะ เสมอน้อย ต.บุญเลิศ กลายเป็นที่สนใจเลย โดยสื่อมวลชนเขียนว่านี่คือเพชรเม็ดงามของค่ายลูกพระบาท…โดยช่วงแรกผมชกที่เวทีลุมพินีตลอดคู่ชกที่ปะทะกันมาก็มี แมวป่า ศิษย์ช่าง, เพชรดำ ลูกบ่อไร่, ไอ้มา ลูกบ้านเหม้า, “ไอ้แข้งผีสิง” สิงห์แดง เกียรติอาร์ดี, “ช้างตกมัน” แจ๊ค เกียรตินิวัฒน์, “แข้งขวาหน้าหยก” สมบัติ ส.ธนิกุล โดยรายนี้แข้งหนักมากเตะผมจนซี่โครงร้าวต้องหยุดนานถึง 3 เดือน”
 
 
 
ชกประจำเวทีลุมพินีอยู่ 2 ปี เฮียน้อยประมุขค่ายลูกพระบาทเกิดความน้อยใจบางอย่าง ก็เลยนำนักมวยที่อยู่ในความดูแลทั้งหมดไปให้ ก๋งเส่ย ลี้ถาวรชัย รับช่วงสนับสนุนต่อ และตรงนี้เองที่ จงรักษ์ ลูกพระบาท ได้มีโอกาสคว้าแชมป์เวทีราชดำเนินถึง 2 เส้น 2 รุ่น
 
 
 
 
 
 
 
“เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ส่วนเรามีหน้าที่ชกอย่างเดียว ซึ่งหลังจากที่ข้ามมาชกฝั่งราชดำเนินแล้ว ผมก็ได้มีโอกาสปะทะกับมวยดังระดับ “ซิยิ่นกุ่ย” แสนเชิง ปิ่นสินชัย, “จอมจุมพิต” แสงเทียนน้อย ส.รุ่งโรจน์, “ดิเอ็กซ์โซเซ่” ก้องนภา วัชรวิทย์, “ไอ้รถถัง” พูลสวัสดิ์ ศิษย์ศรทอง, “ไอ้หำเข่าโหด” พนมทวนเล็ก ห้าพลัง, เก่งกาจน้อย เกียรตินิวัฒน์, สมัยศึก ชูวัฒนะ, “บักปรือ” โรเบิร์ต แก่นนรสิงห์, ราชศักดิ์ ส.วรพิน, น่ารัก ศิษย์กวนอิม ฯลฯ สำหรับแชมป์เส้นแรกรุ่น 126 ปอนด์ ชิงได้จากเก่งกาจน้อย ส่วนรุ่น 130 ปอนด์ ชิงได้จากน่ารัก โดยรายนี้ชกกันมากสุดถึง 5 ครั้ง ผมแพ้ 1 นอกนั้นชนะรวด…ในช่วงที่รุ่งโรจน์ผมได้รับค่าตัวสูงสุดจำนวน 1.5 แสนบาท ตอนชกกับโรเบิร์ต รายนี้เสมอครั้งแพ้ 2″
 
 
 
เป็นวัฏจักรสำหรับชีวิตการค้ากำปั้นเมื่อมีเริ่มต้นก็มีวันยุติ โดยไฟต์สุดท้ายกับ ราชศักดิ์ ส.วรพิน ทางด้าน จงรักษ์ ลูกพระบาท ก็อำลาสังเวียนอย่างถาวร
“เลิกตอนอายุ 27-28 ปีเอง ถามว่าชกต่ออีกได้มั้ย? ตอบว่าสบายครับ แต่ช่วงนั้นผมมีอาการนอนไม่หลับ ซึ่งก็ไม่ทราบสาเหตุเหมือนกัน แล้วยังมีอาการปวดหลังอีก สาเหตุอาจเป็นเพราะว่าช่วงที่ซ้อมมวยผมต้องฝึกบิดเหลี่ยมใช้พลังเยอะทำให้เจ็บปวดหลัง โดยผมเลิกมวยตอนมีค่าตัว 1.2 แสนบาท ซึ่งน่าเสียดายนะแต่ก็ต้องตัดใจ”
หลังเลิกมวยทางด้าน จงรักษ์ ลูกพระบาท ก็มองเห็นอนาคตภายภาคหน้า ซึ่งเขาได้สมัครเป็นทหารโดยคิดเองตัดสินใจเองทุกอย่าง โดยที่ไม่ปรึกษาใครเลย
 
 
 
 
 
 
“ตอนผมมาบอกเฮียน้อยยังโดนต่อว่าเลยว่าทำไมไม่บอก เพราะสามารถฝากฝังได้ แต่หลังจากที่ผมเข้าไปอยู่ในค่ายอดิศร แล้วทาง “เสธ.เฮง” พล.ต.เมธี ธรรมรังสี ท่านก็มาช่วยสานต่ออีกแรง โดยเป็นนายสิบกินเงินเดือนตั้งแต่ 3 พันบาท ถึงวันนี้ผมรับราชการทหารมากว่า 20 ปีแล้ว ยศปัจจุบันคือ จ่าสิบเอกจงรัก โสรี สังกัดกองบริการศูนย์การทหารม้า (กบร.ศม.) ครับ”
“สำหรับชีวิตครอบครัวตอนนี้ก็สุขสบายดี ภรรยาชื่อ กนกวรรณ โสรี เป็นแม่ค้าขายของตามตลาดนัด มีลูกชายฝาแฝด 2 คน ชื่อ กิตติทัศน์ และ กิตตินันท์ โสรี อายุ 15 ปี โดยพักอยู่ในบ้านพักค่ายอดิศร จ.สระบุรีครับ…หน้าที่อีกอย่างของผมก็คือเป็นโค้ชสอนเทควันโด ร่วมกับ
 
 
 
จ่าเทวนทร์ แก้วชาติ ซึ่งเป็นกิจกรรมต่อเนื่องของหน่วยชุมชนศูนย์การทหารม้า ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนในค่ายทหารและทั่วไปมาฝึกเล่นกีฬา ซึ่งก็ทำมา 4 ปีแล้วครับ โดยลูกชายฝาแฝดผมทั้ง 2 ก็เป็นนักกีฬาด้วย ที่ผ่านมาก็พาเขาตระเวนไปชกตามที่ต่างๆ ซึ่งเขาไม่ชกมวยไม่เป็นไร แต่ผมต้องการให้เขามีวิชาไว้ป้องกันตัวครับ โดยเขาเลือกมาเล่นเทควันโดเอง ซึ่งก็ภูมิใจนะที่เขาได้เรียนรู้และมีการพัฒนาตลอด”
 
 
 
 
ทั้งหมดก็คือเรื่องราวบางเสี้ยวบางตอนของอดีตแชมป์ราชดำเนิน
จงรักษ์ ลูกพระบาท ซึ่งเขาบอกว่าทุกวันนี้ยังติดตามข่าวสารวงการมวยตลอดทางหนังสือพิมพ์มวยสยาม ส่วนเวทีมวยนานๆ จะเข้าสักครั้ง!!
 
 
 
 
 
 



 

@ *คลิก* ติดตามต่อกับพันธมิตรข่าว เว็บboxingboy2021.blogspot.comได้เลย
 
 
 
 
 
 
 

เชิญแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ

comments