<<>> ข่าวคราวของ ฮวน ฟอนตาเนียล โค้ชมวยสากลชาวคิวบัน สัญชาติเม็กซิโก เ้ชื้อชาติคิวบา เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาอีกคำรบหนึ่ง

เมื่อฟอนตาเนียลบอกว่า ตนเองลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าโค้ชทีมชาติไทยแล้ว เพราะทนไม่ได้กับการแทรกแซงการทำงานของ นายพิชัย ชุณหวชิร นายกสมาคม และ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา เลขาธิการสมาคมของ สมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย เป็นด้านหลัก

 

 

ผลลัพธ์ทำให้ นายพิชัย ชุณหวชิร นายกสมาคมกีฬามวยสากลฯ พร้อมด้วยกรรมการบริหารสมาคม ต้องนั่งแถลงแจกแจงเกี่ยวกับการบริหารงาน และในจุดที่เกี่ยวข้องกับฟอนตาเนียล อย่างเป็นทางการ

สรุปประเด็นคือ กรรมการบริหารของสมาคมต้องรับผิดชอบโดยตรงต่อกรณีความสำเร็จ หรือความล้มเหลวของนักมวยไทย ในการแข่งขัน กีฬาโอลิมปิกเกมส์ฤดูร้อน ครั้งที่ 23 “โตเกียว 2020” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


ดังนั้น สมาคมกีฬามวยสากลฯ จึงมีการลงทุนแบบไม่อั้น ในการส่งนักมวยไทยไปแข่งขันทั้งในและนอกประเทศ เมื่อส่งนักมวยไปแข่งขันเยอะเช่นนี้ ก็ย่อมต้องจำแนก แยกแยะ เพื่อประเมินผลลัพธ์กันอย่างเป็นทางการ เป็นระยะๆ และนำมาแลกเปลี่ยนกับสต๊าฟโค้ช โดยเฉพาะกับฟอนตาเนียลในฐานะผู้รับผิดชอบโดยตรง

 

การพูดคุยกันดังกล่าว อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด หรือเข้าใจไม่ถูกต้องเกิดขึ้นก็เป็นได้ ถือเป็นเรื่องธรรมดาของการทำงาน

 

นั่นคือ คำชี้แจงโดยสรุปจากกรรมการบริหารของ สมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย พร้อมกับการบอกนัยสำคัญอีกว่า ถึงเวลาที่ต้องมอบหมายงานสำคัญให้ “โค้ชชาวไทย” เป็นผู้รับผิดชอบระดับ “ทีมชาติไทย” กันได้แล้ว

 

สำหรับ ฮวน ฟอนตาเนียล นั้น ถือว่า ไม่ธรรมดาสำหรับวงการมวยสากลไทย จากผลงานการทำทีมชาติไทยมาแล้วกว่าทศวรรษ พร้อมกับผลงานระดับ “เหรียญทอง” จากกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ค.ศ.1996, ค.ศ.2000, ค.ศ.2004 จากนั้น ฟอนตาเนียลกลับคิวบาบ้านเกิดไปนานกว่าสิบปี จนในที่สุดก็พบว่า ฟอนตาเนียลไปปักหลักอยู่ที่เม็กซิโก อันเป็นบ้านใหม่สัญชาติใหม่

 

ฟอนตาเนียล ตอบรับกลับมาร่วมงานกับ สมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย โดยมีเงื่อนไขสำคัญ คือ เป็นโค้ชทีมหญิงไทย และเป็นผู้เชี่ยวชาญเพื่อพัฒนาผู้ฝึกสอน หรือโค้ชรุ่นใหม่ของเมืองไทย

 

 

เป็นหัวหน้าโค้ชทีมหญิงไทยได้แค่ครึ่งปี ก็มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ทำให้สมาคมกีฬามวยสากลฯ ตัดสินใจ มอบหมายให้ฟอนตาเนียลทำหน้าที่เป็น “หัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย” คุมทั้งทีมหญิง และทีมชายอย่างเต็มตัว โดยสมาคมกีฬามวยสากลฯ ระดับทีมงานเข้าช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพื่อเป้าหมายลุ้นนักมวยไทยให้เข้ารอบสุดท้าย “โตเกียว 2020” ให้ได้มากที่สุด

 

ภารกิจดังกล่าว ทำให้มีการพบปะพูดคุยกันระหว่างฟอนตาเนียล กับผู้บริหารของสมาคมกีฬามวยสากลฯ มากขึ้นตามลำดับ เพราะภายในห้วงเวลาอันจำกัดจำเขี่ยนั้น ระยะเวลาของการแข่งขันมวยสากลรอบคัดเลือกโซนเอเชียโอเชียเนียของ “โตเกียว 2020” ก็เริ่มกระชับกันเข้ามาเรื่อยๆ

 

อย่างน้อยที่สุด 4 ครั้งของการพูดคุยกันระหว่างฟอนเนียล กับนายกสมาคม, เลขาธิการสมาคม เป็นการนัดคุยเกี่ยวกับ ทีมชายไทย รวม 2 ครั้ง และ ทีมหญิงไทย อีก 2 ครั้งนั้น ถือได้ว่า มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันค่อนข้างละเอียด ช่วยกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ล่วงหน้าได้หลายกรณีด้วยกัน แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในบางกรณีก็ตามที

 

 

การพูดคุยกันดังกล่าว มีรายละเอียดลงลึกไปถึงบางกรณี เช่น

เรื่องของการใช้ ระบบวิทยาศาสตร์การกีฬา เข้ามาช่วยเหลือการเตรียมนักมวยเพิ่มเติม จากนั้น ยังคุยกันอีกครั้ง ด้วยเป้าหมายลึกลงไปถึงการใช้ระบบนี้แบบ “เจาะจง” กับนักมวยระดับความหวังของทีมชาติไทย แบบเรียงคน เรียงตัวโดยเฉพาะอีกด้วย

 

นอกจากนี้ ยังมีการพูดคุยกันต่อมาอีก 2 ครั้ง เป็นการพูดคุยกันในที่ประชุม สต๊าฟโค้ชทีมชาติไทย ทั้งหมดร่วมกัน

ครั้งแรก ว่ากันถึง “ความเหมาะสม” ในการบริหาร การจัดการเรื่องตัวนักมวย เรื่องตัวโค้ช ที่จะเป็นแข่งขันแต่ละรายการ ทั้งในและนอกประเทศไทย ในภาพรวมทั้งหมด

 

ครั้งต่อมา มีการเสนอความเห็นให้จัดตัว “ทีมชาติไทย” แบบนักมวยคนหนึ่ง โค้ชคนหนึ่ง ใน ระบบ 1-1 ไปเลย และมีการลองจัดตัวให้เห็นเป็นตัวอย่าง

ผลลัพธ์ของการพูดคุย การประชุมกันดังกล่าว ประเมินได้ว่า ทำให้ฟอนตาเนียลเกิดความอึดอัดใจ ไม่สบายใจเกิดขึ้น เพราะการคุยกันแต่ละครั้งนั้น เกิดขึ้นหลังจากมีการแข่งขันรายการสำคัญๆ เกิดขึ้น

 

 

ฟอนตาเนียลถือว่า ในเมื่อให้ตนเองเป็น “หัวหน้าโค้ช” แล้ว ย่อมต้องมอบหมายความรับผิดชอบทั้งหมดไปดำเนินการเองทั้งหมด อีกหนึ่งคือ เมื่อมีการเสนอให้จัดตัวทีมชาติไทย แบบ 1-1 เกิดขึ้น เท่ากับว่า ไม่ไว้วางใจตัวเองอีกต่อไปแล้ว จึงมีการระเบิดอารมณ์เกิดขึ้น

แต่ก็มี “ผู้ใหญ่” ที่เป็นกรรมการบริหารสมาคมกีฬามวยสากลฯ ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย ปรับความเข้าใจกันสำเร็จ จึงทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปอีกเฮือกหนึ่ง

 

ว่ากันว่า ทุกอย่างทำให้เกิดการสั่งสม และสะสมภาวะต่างๆ ขึ้นมาเป็นลำดับขั้น ในขณะที่สภาพการณ์ และผลงานของ ทีมชาติไทย ยังไม่เป็นที่น่าพอใจในภาพรวมทั้งหมดเท่าที่ควร

ประกอบกับเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระยะเวลาข้องเกี่ยวกัน “ปัญหา” บางประการระอุขึ้นมา ผสมปนเปกันไปอีก จึงทำให้สภาพการณ์ของวงการมวยสากลไทยนั้น “อึมครึม” มากขึ้นไปอีก

 

ทุกอย่างทำให้กรรมการบริหารสมาคมกีฬามวยสากลฯ รอคอยผลงานของ ทีมชาติไทย ในห้วงสำคัญว่า อนาคตของนักมวยไทยใน “โตเกียว 2020” จะเป็นอย่างไร?

ในขณะที่อนาคตของ สหพันธ์มวยสากลนานาชาติ (ไอบ้า) ดับวูบไปแล้ว มวยสากลรอบคัดเลือกกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 พลิกเปลี่ยนมาอยู่ในความรับผิดชอบ คณะทำงานเฉพาะกิจ ของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) อย่างเต็มอัตราศึก

 

สถานการณ์เช่นนี้ จะออกหัวออกก้อยอย่างไร คงมีความชัดเจนในไม่ช้า…

 

@ news image credit :: matichon sport

เชิญแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ

comments