<<>> นายพิชัย ชุณหวชิร นายกสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย แถลงข่าวเกี่ยวกับการถูก ฮวน ฟอนตาเนียล อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทยชาวคิวบา กล่าวหาว่าแทรกแซงการทำงาน ที่สมาคมกีฬามวยสากลฯ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม

นายพิชัย กล่าวว่า สมาคมนั้นมีการทำงานเป็นทีม ไม่ได้ว่ามีผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว เมื่อนักมวยได้เหรียญหรือไม่ได้เหรียญ เรารับผิดชอบร่วมกันทั้งหมด เรามั่นใจว่าคนที่อยู่นั้นในส่วนของเบื้องหลัง เรามีการดูแลที่ดีในระดับหนึ่ง และดูแลอย่างดีที่สุด เราให้เกียรติทุกคนโดยเฉพาะโค้ชต่างชาติ และให้อำนาจทุกอย่าง แต่มันก็มีองค์ประกอบอื่นๆ ที่ไม่ใช่แค่โค้ชอย่างเดียว ซึ่งทุกคนก็ต้องเดินตามทิศทางและนโยบายนี้

มันมีวิธีคิดที่ต่างกันบ้าง แต่มันก็ต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจกัน ไม่ว่าจะเป็นโค้ชไทยหรือต่างชาติ จริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีใครผิดหรือถูก เราก็พยายามเคลียร์ทุกอย่างแล้ว แต่บางเรื่องก็เป็นทิศทางของสมาคมฯ ไม่ว่าใครเข้ามาก็ต้องทำตามนี้

“เราบริหารงานกันแบบนี้ เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าคนจะไม่คุ้น หรือมองว่าทำไมเป็นแบบนี้ เมื่อก่อนไม่เป็นแบบนี้ ก็เพราะโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว และถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงตามจะสู้ไม่ได้”

 

 

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า จะมีการคุยกับฟอนตาเนีลอีกครั้งหรือไม่นั้น นายพิชัย กล่าวว่า ก็ได้คุยกันไปแล้วเมื่อตอนมายื่นใบลาเพื่อจะกลับบ้าน เมื่อตัดสินใจจะไปก็ต้องให้เกียรติกับเขา แต่ถ้ามีเรื่องจะคุยก็พร้อมอธิบายถึงการตัดสินใจต่างๆ ได้

ประมุขเสื้อกล้ามไทย กล่าวต่อว่า เรื่องโค้ชใหม่นั้น ก็มีการคุยกับนายสมชาย พูลสวัสดิ์ ประธานเทคนิคสมาคมฯ​ นั้น บทบาทของเฮดโค้ชจะต่างกับสมัยก่อน คนที่เข้ามาจะต้องมีวิธีการบริหารจัดการ แล้วต่อไปก็ต้องมาดูว่าทีมมวยสากลสมัครเล่นของไทยนั้นขาดอะไรบ้าง เรื่องของเทคนิคหรือการจัดการ ต้องหาโค้ชที่เป็นผู้รวมนโยบายและกระจายงานไปให้ทีมงานในทีมได้

 

“ถ้าจะหาโค้ชนอก ก็ต้องเข้ามาแบ่งงานกัน อาจจะให้ดูแต่เรื่องเทคนิคไหม หรือถ้าเก่งจะคุยกับโค้ชอีก 10 กว่าคนที่เหลือได้หรือไม่ ซึ่งหน้าที่ที่ใส่ไว้จะต้องพัฒนาโค้ชที่ไม่ใช่แค่โค้ชสมาคมฯ แต่รวมถึงโค้ชสโมสรด้วย ดังนั้นก็ต้องเข้าใจระบบของคนไทยเช่นกัน”

 

 

นายพิชัย กล่าวเสริมว่า ในระดับซีเกมส์คิดว่าโค้ชไทยเอาอยู่ แต่ถ้าระดับสูงขึ้นไปอาจจะต้องหาโค้ชที่มีทักษะมากว่านี้ สามารถบริหารนักมวยได้ว่าคนนี้ต้องทำอย่างไร มีเส้นทางให้แต่ละคนได้ นอกเหนือจากการสอนอย่างเดียว

นายกสมาคมมวยฯ กล่าวปิดท้ายว่า โอลิมปิกเกมส์นั้นคิดว่านักมวยที่ไปทำให้มีหวังอยู่ เมื่อก่อนนั้นจะมีลุ้นต้องเก่ง แต่ตอนนี้เก่งไม่พอต้องบวกเฮงด้วย อย่างไรก็ตามโอลิมปิกเกมส์คราวนี้เราไม่ได้ไปแค่ 1-2 คน แต่ไป 4-5 คน และยังมีที่ได้เหรียญยูธโอลิมปิกเกมส์ เป็นแชมป์เยาวชนโลกมาอีก ดังนั้นเชื่อว่ามีความหวังมากกว่าเดิมและมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ด้านนายสมชาย กล่าวว่า ส่วนตัวนั้นรู้สึกเสียดายเพราะฟอนตาเนียลเพราะเป็นคนมีประสบการณ์และมีฝีมือ แต่ก็เชื่อว่าจะหาคนมาแทนได้ ส่วนโอลิมปิกเกมส์นั้นยังตั้งเป้าเหมือนเดิม เมื่อตอนโอลิมปิกเกมส์ ที่ประเทศบราซิล ก็ใช้โค้ชไทยมาแล้ว เราพลาดเรื่องการตัดสินเท่านั้นแต่ตอนนี้เราเริ่มมีบทบาทมากขึ้น คงไม่ได้ขอให้มาช่วยแต่ขอแค่ความเป็นธรรมเท่านั้น

 

 

ขณะเดียวกัน นายสมชาย กล่าวว่า ในวันที่ 12-13 กันยายนนี้ เราจะมีทัวร์นาเมนต์พิเศษ “ศึกมวยไทยรวมใจพิชิตชัยสู่โอลิมปิก” ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ทีม คือ นักมวยสากลอาชีพ เช่น ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น และวันเฮง ซีพีเอฟ, ทีมนักมวยไทยอาชีพ นำมาโดย ตะวันฉาย พีเค แสนชัยมวยไทยยิม จะมาปะทะกับทีมนักมวยทีมชาติไทย นำโดย “สด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี และวุฒิชัย มาสุข เพื่อให้นักกีฬาได้มีการแข่งขัน เสริมสร้างประสบการณ์ให้ โดยต่อยตามกติกาของไอบ้า และมีกรรมการตัดสินตามปกติ

 

เชิญแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ

comments