<<>> ทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 จนระบบทางการแพทย์ของบางประเทศไม่สามารถรับมือได้ทัน บีบให้ผู้คนต้องเก็บตัวอยู่ในบ้าน สถานบริการ ร้านค้าต่างๆ ต้องปิดตัวชั่วคราวเพื่อลดอัตราการระบาดของไวรัส ส่งผลให้เศรษฐกิจพังพินาศ เป็นความวิบัติที่เกิดขึ้นในรอบร้อยปี

ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้น มันยังนำมาซึ่งความเกลียดชังของคนในสังคมโลกที่มีต่อชาวเอเชีย โดยเฉพาะที่ได้รับผลกระทบรุนแรง คือชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมากที่นั่น

 

 

เมื่อเร็วๆ นี้ ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา “ดอนัลด์ ทรัมป์” ต้องเผชิญหน้ากับกระแสตีกลับอย่างรุนแรง โดยถูกกล่าวหาว่าเป็นคนเหยียดเชื้อชาติ จากการมีปากเสียงกับ “นางเวียเจีย เจียง” นักข่าว CBS ชาวเอเชีย-อเมริกัน นอกจากนี้ยังมีดัชนีบ่งชี้สำคัญในรัฐบาลและพรรคการเมืองหลายแห่งที่มีการแสดงออกถึงการแบ่งแยกชาติพันธุ์ ด้วยการใช้คำพูดเชิงต่อต้านประเทศจีนทั้งแบบที่จงใจและไม่จงใจ

บรรดาผู้มีชื่อเสียงทั่วโลกต่างออกมาประณามการเหยียดเชื้อชาติต่อชาวเอเชีย รวมถึงนักแสดงหญิงชาวฟิลิปปินส์และไอคอนนักร้องสากล “ลีอา ซาลองกา” ที่ส่งข้อความของเธอผ่านรายการข่าว CNBC เมื่อเร็วๆ นี้ โดย ซาลองกา จับมือกับสองบุคคลดัง “ยูจีน ลี หยาง” และ “มากาเร็ต โช” เพื่อให้การสนับสนุนชาวเอเชียทั่วโลก

 

“ดิฉันอยากส่งข้อความถึงชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียทุกคนในช่วงเวลาโควิด-19 นี้ มันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจและไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้น กับการที่ใครจะแสดงพฤติกรรมเหยียดเชื้อชาติต่อคนอื่นได้ ดิฉันมีเพื่อนชาวเอเชียที่ถูกถ่มน้ำลายใส่บนถนน เพียงเพราะพวกเขาเป็นคนเอเชีย”

“ดิฉันรู้ดีว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนต่างหวาดกลัวและวิตกกังวล แต่นี่คือเวลาที่ทุกคนควรรวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับไวรัสร้าย แทนที่จะแบ่งพรรคแบ่งพวก และแพร่กระจายความเกลียดชังและความกลัวใส่กันอย่างนี้” ซาลองกา กล่าว

 

ขณะที่โควิด-19 ยังคงทำลายโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลก แม้จะมีหลักฐานชัดเจนว่าโคโรนาไวรัสโจมตีทุกคนโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ แต่มันกลับสร้างผลกระทบอย่างหนักต่อประชากรชาวเอเชีย

รัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อป้องกันอาชญากรรมจากความเกลียดชังและการเลือกปฏิบัติ หลังพบว่ากระแสเหยียดเชื้อชาติเอเชียมีอัตราสูงขึ้นเรื่อยๆ ชาวเอเชียในทุกแห่งหนต้องรับมือกับการถูกเสียดสี หรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุด คือถูกกระทำความรุนแรง เพียงเพราะเชื้อชาติเป็นสาเหตุ

 

แองเจลา ลี แชมป์โลก ONE

 

เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของสังคมต่อสิ่งที่ถูกเรียกว่า “ไวรัสแห่งความเกลียดชัง” วัน แชมเปียนชิพ องค์กรศิลปะการต่อสู้ที่มีฐานอยู่ที่สิงคโปร์ได้ออกมาแสดงท่าทีต่อเรื่องนี้อย่างชัดเจน โดยนำนักกีฬาผู้เป็นฮีโร่ขององค์กร มาร่วมกันยืนหยัดต่อต้านกระแสเหยียดเชื้อชาติ

องค์กรนี้เต็มไปด้วยนักกีฬาการต่อสู้ผู้มากความสามารถ หลากหลายเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ โดยส่วนใหญ่มีเชื้อสายเอเชีย ONE ได้พยายามรณรงค์ให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ด้วยการผสมผสานวัฒนธรรมผ่านกีฬา อีกทั้งยังมีการใช้แฮชแท็ก #WeAreONE เพื่อกระตุ้นให้ประชากรกว่า 4 พันล้านคนทั่วเอเชียยืนหยัดเพื่อกันและกัน

 

“มีการใช้ความรุนแรงต่อชาวเอเชียอันเนื่องมาจากการเหยียดเชื้อชาติเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนสูงมาก เราต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่มีเวลาไหนเหมาะไปกว่านี้แล้วที่เราจะรวมตัวกัน” แองเจลา ลี แชมป์โลก ONE รุ่นอะตอมเวตหญิง ชาวฮาวายเชื้อสายสิงคโปร์และเกาหลี กล่าว

แองเจลา ลี คือตัวแทนของนักกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสานหญิงของ วัน แชมเปียนชิพ เธอเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ชาวเอเชีย โดยเธอมีฐานแฟนคลับติดตามจำนวนมาก เธอเชื่อว่าทุกคนควรร่วมใจกันเป็นหนึ่ง แทนที่จะแบ่งแยก โดยเฉพาะในช่วงเวลาเช่นนี้

 

มาร์ติน เหงียน แชมป์โลก ONE

 

“อย่าเห็นว่าการเชื่อมโยงชาวเอเชียกับโควิด-19 เป็นเรื่องตลก ไวรัสนี้ไม่มีการแบ่งแยก และเราก็ไม่ควรแบ่งแยกเช่นกัน” มาร์ติน เหงียน แชมป์โลก ONE รุ่นเฟเธอร์เวตชาวเวียดนาม-ออสเตรเลีย กล่าว

การสื่อสารของ วัน แชมเปียนชิพ บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าการเหยียดเชื้อชาติเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ พวกเราในฐานะเพื่อนร่วมโลกควรร่วมกันต่อสู้กับไวรัสสุดอันตรายนี้ โดยไม่ต้องโทษใคร หรือสนใจว่าใครมาจากไหน

 

 

@ News  Photo Credit :ONE Championship/thairath.co.th

 

 

เชิญแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ

comments