<<>> หลังจากที่ นวพล นครหลวงโปรโมชั่น พ่ายคะแนน เจสัน โมโลนีย์ นักชกชาวออสเตรเลีย ในไฟต์ตัดสินรุ่น 118 ปอนด์ ของสภามวยโลก (WBC) ว่าใครจะได้เข้าไปชิงแชมป์ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา ด้วยคะแนน 119-110, 119-110 และ 119-109 ที่ เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย และได้เดินทางกลับมายังประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว
“การไปต่อยต่างประเทศนั้นแตกต่างมาก อย่างนวพล ไม่เคยออกนอกประเทศเลย การเตรียมตัวต่างๆ ซ้อมก็ซ้อมในฟิตเนส มันแตกต่างมาก และการต่อยต่างประเทศแบบนี้ ความตื่นเต้นมีอยู่แล้วในตัว ยกหนึ่ง ยกสอง ก็ดูแล้วว่าเขาต่อยไม่ออก อีกทั้งกรรมการออสเตรเลีย ก็ 2 คนเข้าไปแล้ว ผมมองดูตั้งแต่แรกแล้วว่า ถ้าต่อยไม่น็อกอย่างไรก็แพ้ อย่างไรก็ตามผมรู้สึกภูมิใจในตัวของ นวพล ว่ามีความมุ่งมั่น มีความตั้งใจจริงๆ แต่บางทีบางครั้งการที่ไปต่อยต่างประเทศครั้งแรก เขาควบคุมความตื่นเต้นยังไม่ได้ แต่ในทางกลับกันถ้าเขามาต่อยที่เมืองไทย เขาก็ชนะเรายาก”
“ที่จริงแล้ว นวพลมีระเบียบ มีวินัย มีความรับผิดชอบในตัวเองสูงอยู่แล้ว พละกำลัง 12 ยกเขาก็ไม่หมด เหลือแค่เพิ่มความรวดเร็วอีกหน่อย อย่างอื่นก็ไม่มีอะไร อาจจะพาไปต่อยต่างประเทศมากขึ้น ให้เค้าชินกับบรรยากาศต่างประเทศ”
จาก..บทความข่าวของกรอบสือข่าวสด..มันเปรียบเสมือนกระจก6ด้าน ของมุมมองที่ต่าง ทางเราไม่ปฎิเสธเลยกับคนสร้างคน ของเหล่าโปรโมชั่นบ้านเรา หากไม่มีท่านเหล่านั่น ไหนเลยจะมีเราในวันนี้ หวังในรัก หวังใจที่ชอบ นำทางสู่กำปั้นความหลากหลายของมิติ ในส่วนของท่านคือการสร้างส่งให้เป็นคนเหนือคน รังสรรค์ปันแต่งสู่วงสังเวียน ในส่วนของเราคือการส่งใจสู่ใจต่อ สองประสานที่ยิ่งใหญ่นำพาบูรณาการ เดินทางสู่เส้นทางความสำเร็จ ติ ชม ทักท้วง หักร้าง ข้องแขะ ถ้าไม่รัก ไม่ชอบ จะไม่มีคำๆนี้ถูกเอิงเอ่ยออกมา พวกเราเพียงขอพื้นที่เล็กๆ เป็นเศษกระจกชิ้นกระจาย ส่องแสงสะท้อนสู่ท่าน ฟังเขา ฟังเรา นำไปคิด อย่างพึ่งเกี้ยวกราด กระทบกระทั้ง แรงตอบ เพราะแสงแวบๆที่เข้าตาท่านเหล่านั่นคือ ความจริง ความในใจของคนคือกัน ที่รักในเส็นทางเดียวกัน เคยเจ็บด้วยกัน เคยน้ำตาร่วงด้วยกัน ในยามที่ผลงานออกมาไม่สมประสงค์..
เฉกเช่นเดียวกับผลงานของเจ้า วัฒน์ นวพล ที่พึ่งพ่ายอย่างหมดรูปต่อเจ้าบ้านโมโลนีย์ ท่ามกลางพยานสายตาของคนทั่วโลก เมื่อรายการนี้ได้ถูกถ่ายทอดสด ทุกสำนักกูรูลงความเห็นถึงในไฟต์นี้ว่า มวยเราพ่ายแพ้แบบหมดจดครบวงจร แทบทุกยก ยอมรับ
แต่กับ..ประเด็นสำคัญที่ทีมวิเคราะห์KOMTHAI อยากจะนำมาขยายขยี้ต่อไปนี้คือ การให้สัมภาษณ์ของบอสใหญ่ค่ายแคมป์นครหลวง *เสี่ยฮุย* คุณ สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ ถึงสาเหตุที่แท้จริงของการพ่ายแพ้ของเจ้าวัฒน์ (วงเล็บ) ในมุมมองท่าน ซึ่งผมเชื่อแน่ว่าต้องมีแฟนมวยอีกหลายคนมากกว่าหนึ่ง ที่ไม่สามารถมองเห็นตามท่านได้ ต่อกรณีที่บอกว่า(ในคลิป) ใช่ว่าจะเราไม่มีหมัด1-2 ตามข่าว สาเหตุ ต่อยไม่ทัน เพราะเขาเร็วกว่า และที่เจ็บจิ๊ดๆ ท่านบอก ว่านี้ถ้าต่อยในบ้านเราผลแพ้ชนะอาจจะไม่เป็นเช่นนี้ ผมยังงงในความคิดของท่าน เพราะในบันดลเช่นกัน ที่ภาพเกมการชกของเจ้าวัฒน์ ไฟต์ชิงแชมป์โลกกับเฮอร์นันเดซในบ้านครั้งนั่น ผลุบขึ้นมาในสมอง ทันที
พวกเราภูมิใจและดีใจพร้อมยอมรับและให้เกียรติทั้งผู้สร้างและเหล่าบุคคลที่ทำชื่อเสียงให้กับประเทศ แชมป์โลกมวยสากล ด้วยความเคารพ เพราะรู้แน่ชัด กว่าจะมาถึงวันนี้พวกท่านต้องลำบากสุดในการฝีกซ้อมมากเพียงได ก่อนจะมีคำนำหน้าว่า *แชมป์โลก* แต่โฟกัสของเราในที่นี้คือการพัฒนาการของวงการมวยโลกเบ้านไทย ที่อยู่ในช่วงที่ถือว่าวิกฤตสุดไหม กับการไข่วคว้าหาแชมป์คนที่40 หากเป็นซัก4-5ปีที่แล้ว เรื่องแค่นี้ถือว่าจิบจ้อย
เกมของเจ้าวัฒน์ในวันนั่นกับโมโลนีย์ เราต้องยอมรับว่า เหมือนไม่มีอะไรใหม่หากจะเทียบกับการชกชิงโลกครั้งแรกของเขา การมองเกมเขาเรา ดูจะเข้าทางเจ้าบ้าน เมื่อรู้ว่าเราเป็นมวยช้า เบสิกอ่อน เขาก็แค่ใช้สไตล์บ็อกเซอร์เข้าเล่นงานเราสบาย ซึ่งก็อย่างที่เห็นเราตกอยู่ในเกมเขาตลอด จนเมื่อเขาแน่ใจว่าทนได้ ยก8 จึงลองแลกดู แต่..นั่นมันไม่ใช่ เจ้าบ้านก็กลับมาเล่นรูปแบบเดิม เช่นเดี่ยวกับเราที่ลองเปลี่ยนม้ากลางศึก ออกมาเล่นบ็อกเซอร์แย็บๆนำ ไม่เ้ดินทื่อเข้าหา เราก็ทำดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา มองง่ายๆแค่นี้ การศึกครั้งนี้ เรายอมรับไหมว่า แก้เกมมาผิด(หรือไม่)
หากจะมองมาที่เจ้าวัฒน์ กับสไตล์มวยที่เป็นอยู่ว่า เหมาะไหม?? ผมบอกเลยว่า วัฒน์กำลังเดินหลงทาง เพราะจากการให้สัมภาษณ์ก่อนการชก เขาเคยบอกว่าในตอนแรกๆของการเทิร์นโปร ชกในสไตล์บ็อกเซอร์ แต่ชกไปชกมามันไม่มันส์ เล้าใจ ขาด จึงปรับเปลี่ยนมาเป็นไฟต์เตอร์ ที่ดุดันและ สนุกกว่า ใช่เลย…หากหมัดนายหนักแบบสั่งได้อย่างพี่ระ เขาทรายหรือบักแหลม ศรีสะเกษ เพื่อนร่วมค่าย แต่เปล่าเลย วัฒน์จัดอยู่ในหมัดปานกลางต้องขยันต่อย ขยับขยี้ซ้ำ และที่สำคัญต้องจับเป้าให้แม่นด้วย หากจะมองจากไฟต์นี้ มีหลายครั้งเหมือนกันที่เจ้าโมโลนีย์โดนเราแล้วมีอาการ แต่เราตามเขาไม่ทันต่างหาก นั่นเอง
ซึ่งผมก็คิดว่าไม่ใช่พวกเราฝ่ายเดียวเท่านั่นที่เห็นว่า นี้เคือจุดอ่อน ทีมงานเทรนเนอร์ระดับเสี่ยป็อบก็มองไม่ต่างกับเราเช่นกัน แต่ทำไมจึงไม่ทำเป็นรูปธรรมที่เปลี่ยนไปกับสไตล์การชก เมื่อดูแล้วว่าน่าจะไปไม่รอด หลังจากเกมชิงแชมป์โลกแรกของเจ้าวัฒน์วันนั่น จบลง
ผมเข้าใจดีว่า นักชกนักสู้แต่ละคนนั่นมักจะมีสไตล์การชกที่ติดตัวเป็นนิสัยชอบและถนัดที่ตัวเอง พอใจ ทั้งๆที่มันไม่ประสบผลสำเร็จเลย แต่ไฉนพวกเขายังคงฝืนชกอยู่ มันจึงเป็นเรื่องยากในการที่จะปรับเปลี่ยน แต่เมื่อเขา-เรามาอยู่ในองค์กร วงการ เดียวกัน สิ่งที่ดีสุดเท่านั่นคือจุดมุ่งหมาย ที่จะนำพาเราไปในเส็นทางเดียวกัน จำต้องหา สิ่งที่ ดีกว่า
พวกเราติ่งมวยโลกยังคงเฝ้าจับตา คอยเชียร์ คอยลุ้นว่า ฟ้าหลังฝน จะต้องมีการเปลี่ยนแปงพัฒนาการของตัวตนของวงการมวยที่น่า นำอวดได้ เพราะอย่างน้อยๆ ยังมีคนไม่ยอมคน ไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมหยุด โวย ว้าย จุ้น อย่าง เรา ท่าน เธอ อีกมากในประเทศสยามขวานทองแห่งนี้ ที่อยากจะเดินไปด้วยกันพร้อมกับความภาคภูมิใจในผลงานของนักชกไทย นายขนมต้ม นี้ แล..
@ มวยนอกแค่สายเลือด แต่มวยไทยโลก คือสายโลหิต @
ป.ล. คอยฟังบทความวิเคราะห์ครั้งต่อไป *เทียบชั้น เทรนเนอร์ไทย หรือนอก ดีกว่ากัน..*
– ข่าวที่เกี่ยวข้อง
–วิเคราะห์..ปิดจุดอ่อน ชี้จุดชัย *นวพล-เมโลนีย์* !! (ชมคลิป)