<<>> รถถัง จิตรเมืองนนท์ ออกมาเปิดใจผ่านสื่อไปแล้วว่า เขายังไม่ท้อ ยังอยากฝึกฝนต่อไป แม้จะต้องพบกับความเสียใจหลังพ่ายให้กับ ดิมิเทรียส จอห์นสัน เจ้าตำนานแห่งโลกการต่อสู้แบบผสมผสาน
แต่เจ้าตัวก็ยังมีความกระหายที่เป็นผู้ชนะในกติกา MMA ให้ได้สักวันหนึ่ง ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า MMA เป็นกีฬาที่เรายังไม่ค่อยเห็น นักมวยไทยประสบความสำเร็จมากนัก เพราะส่วนใหญ่นักมวยไทย พอเปลี่ยนสายก็มักไปพ่ายแพ้ ยามเจอกับคู่ต่อกรที่เก่งศิลปะศาสตร์พวกนอนสู้เช่น บราซิลเลียน ยูยิตสู หรือ มวยปล้ำ
 
 
 
 
ทว่าทำไม มวยเด็ด 789 ถึงอยากแนะนำ และเชียร์ให้ “รถถัง จิตรเมืองนนท์” เลือกเดินไปในสาย MMA ในอนาคต นี่คือ 5 เหตุผลเราจะมาลงรายละเอียดและเจาะลึกกัน
ข้อแรก “การเจอกับโคตรนักสู้อย่าง ดี.เจ.” คือการเปิดตัวที่ดี เพราะคนเก่งมากมายอยากเจอ ดีเจ แต่ไม่มีโอกาสแบบรถถัง”
 
 
อย่างที่ทราบกันดีว่า ตอนนี้ รถถัง อยู่ในจุดที่แฟนมวยไทยทั่วโลกรู้จักเขาหมดแล้วว่า เพราะเขาคือแชมป์โลกมวยไทย รุ่นฟลายเวตของ ONE ดังนั้นต่อให้อีก 10 ปี รถถัง จะยังชกมวยไทยอยู่หรือเลิกต่อยไป คนที่ติดตามมวยไทยทั่วโลกก็รู้จักเขาอยู่ดี
แต่การต่อยกติกาผสมกับ “ดิมิเทรียส จอห์นสัน” ที่โด่งดังมาจาก UFC มันยิ่งทำให้ชื่อของ “รถถัง” เป็นที่สนใจของแฟน MMA ทั่วโลก แม้แต่คนที่สนใจกีฬาการต่อสู้แขนงอื่น ที่อาจไม่ได้ติดตามมวยไทย แต่ก็ยังให้ความสนใจ อยากติดตาม รถถัง ต่อจากนี้เป็นต้นไป
 
 
 
 
ถ้า รถถัง เลือกเอาดีทาง MMA ควบคู่กับการต่อยมวยไทย และคิกบอกซิ่งไปด้วย ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการไปเป็น ซูเปอร์สตาร์ที่ดังในระดับโลก และสร้างมูลค่าให้ตัวเองได้อย่างมหาศาล อาจจะดังระดับ คอนเนอร์ แม็กเกรเกอร์ ก็เป็นไปได้
ข้อสอง “รถถัง มีศักยภาพที่จะเป็น นักกีฬา MMA ชั้นแนวหน้าได้” เพราะรถถัง อายุยังน้อย ร่างกายแข็งแกร่ง อึด ที่สำคัญมีพื้นฐานการยืนสู้ที่ท้าชนได้ทั่วโลก บู๊เปิดเกมได้ดุดัน กระดูกมวยเขาแข็งแกร่งกว่านักสู้ MMA ทุกคนในรุ่นเดียวกัน เพราะรถถัง ต่อยมวยไทยมามากกว่า 250 ไฟต์
 
 
อย่าลืมว่า รถถัง อายุแค่ 24 ปี ซึ่งในกีฬา MMA ยังถือว่าอายุการใช้ของรถถัง ยังมีอีกเหลือเฟือ นี่ขนาดแค่ฝึก MMA มาได้แค่ 6 เดือน รถถัง ยังสู้กับ ดีเจ ได้ดีขนาดนี้
ถ้าเขามีเวลาได้ฝึกฝนนานกว่านี้ 4-5 ปี รถถัง น่าจะแกร่งขึ้นมา และไม่ว่าจะเจอกับนักชก MMA คนไหน ก็คงไม่มีใครกินเขาได้ง่าย ๆ แน่นอน
 
 
 
 
 
ข้อสาม “รถถังหัวใจสู้ไม่ถอย” ตรงนี้เป็นจุดสำคัญ เพราะในกีฬา MMA ไม่ใช่แค่ต้องเก่งและมีทักษะศิลปะการต่อสู้หลายแขนงแล้ว แต่เรื่องของหัวจิตหัวใจต้องมีความแข็งแกร่งไม่แพ้กัน
ซึ่ง รถถัง พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แม้จะโดน ดี.เจ. ล็อกคอจนหายใจไม่ออก แต่เขาก็พยายามแก้รัด จนสุดท้ายยอมสลบคามือ ไม่ยอมแตะยอมแพ้ ฉะนั้นหัวใจแบบนี้สอบผ่านและมีโอกาสดังในสาย MMA ได้แน่นอน
ข้อที่สี่ “ ONE Championship ดันเต็มสูบ” อย่างที่รู้กันว่า รถถัง เป็นนักชกที่ ONE ป้อนรายการให้ตลอด จัดให้มีการชกสม่ำเสมอ เนื่องจากต่อยสนุกแฟนๆ ชอบ ดังนั้นถ้า รถถัง ตัดสินใจที่เบนเข็มมาลุย MMA แบบแสตมป์ แฟร์เท็กซ์
 
 
เชื่อว่า ONE ก็คงยินดีและพร้อมทำหน้าที่ป๋าดันเต็มที่ ทั้งการประกบคู่มวย คู่ต่อสู้ให้เหมาะสมตามพัฒนาการของ รถถัง คงไม่ได้ให้รถถังเจอกระดูกตั้งแต่แรก แต่ให้เวลารถถังได้ทำฟอร์ม ได้แสดงศักยภาพ และมีเกมอย่างสม่ำเสมอ และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ONE ก็พร้อมปั้นให้ รถถัง ดังทะลุฟ้าในกติกา MMA
 
 
 
 
ข้อสุดท้ายสำคัญสุดคือ “MMA เป็นกีฬาที่รายได้งดงาม และถ้า รถถัง ประสบความสำเร็จในสายนี้ จะทำให้ภาพลักษณ์มวยไทยดีในสายตาชาวโลก”
แน่นอนว่าทุกคนรู้ดีว่าแชมป์โลก MMA เกือบทั้งหมด ล้วนต้องเคยฝึกฝนวิชามวยไทยทั้งนั้น เนื่องจากมวยไทยเป็นศาสตร์การต่อสู้มวยไทยที่อันตรายสุด
แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่ค่อยมีนักมวยไทยที่เป็นคนไทยแท้ ๆ ไปโด่งดังในเส้นทาง MMA ระดับโลกมากนัก ทั้งที่ มวยไทย เป็น 1 ใน 4 ศิลปะการต่อสู้หลักของ MMA ถ้ารถถัง ทำได้ ทำสำเร็จ เขาจะยิ่งทำให้ชาวโลกเคารพในมวยไทยมากขึ้น
 
 
อีกอย่าง MMA มีตลาดผู้ชมที่กว้างมาก และมูลค่าเม็ดเงินในอุตสาหกรรมนี้สูงมากทีเดียว รถถัง สามารถมีค่าตัวหลัก 10 ล้านบาทได้เลย หากเขาไปได้สวยในเส้นทาง MMA และมันนำพาเขาไปได้ถึงเป็น ไอค่อนการต่อสู้ของโลกได้เลย ถ้าเขาไต่เต้าไปถึงแชมป์โลก MMA
 
 
 
 
ก็คงต้องขึ้นอยู่ที่ รถถัง แหละครับว่าจะเลือกในเส้นทางสายเดิมที่ตัวเอง ก็แทบไม่มีอะไรต้องพิสูจน์แล้วอย่าง มวยไทย หรือเลือกที่จะออกไปหาความท้าทายใหม่ทั้งในรูปแบบคิกบอกซิ่ง หรือแม้แต่ MMA ที่มีโอกาสดี ๆ ในชีวิตอีกเพียบรอเขาอยู่ ในอนาคต
 
 
 
 
@ *คลิก* ติดตามต่อกับพันธมิตรข่าว boxingboy2021.blogspot.comได้เลยครับ.
 

เชิญแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ

comments