<<>> หากไม่ได้มองกันที่เหรียญรางวัล ต้องยอมรับเลยว่า ทัพมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทย ชุดลุยโอลิมปิก เกมส์ 2020 ต่างโชว์ฟอร์มกันได้ดีกว่าที่คาดไว้ทุกคน และอันที่จริงสมควรได้เหรียญรางวัลติดมือกลับบ้านมากกว่านี้
โดยเฉพาะในรายของ ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี และ สุดาพร สีสอนดี สองกำปั้นซีเนียร์ ชนะใจคนไทยไปเต็ม ๆ ด้วยการเรียกฟอร์มที่ดีสุด ออกมาแสดงให้แฟน ๆ ได้ประจักษ์ต่อสายตา แม้คนหนึ่งจะไปไม่ถึงเหรียญรางวัลต้องกลับบ้านมือเปล่า และอีกคนดวงไม่ดี พลาดโอกาสเข้าชิงเหรียญทอง แต่นาทีนี้ คงไม่มีคนไทยคนไหน ตำหนิเขาสองคนได้
แน่นอนด้วยผลคะแนนรวม 3-2 เสียงที่ ฉัตร์ชัยเดชา และ สุดาพร พ่ายแพ้ต่อคู่ชก ในเกมที่สูสีเบียดกันสุด ๆ ย่อมทำให้แฟนกีฬาชาวไทยหลายคน รู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรมในการตัดสิน
มวยเด็ด 789 จะมาวิเคราะห์ 2 คู่ที่ ฉัตร์ชัยเดชา และ สุดาพร แพ้ เริ่มที่คู่แรกในรอบ 8 คนสุดท้าย มวยสากลสมัครเล่นชาย “ฉัตร์ชัยเดชา” ที่ดวงไม่ดีนัก จับสลากไปเจอกับ “ลาซาโร อัลวาเรซ” นักมวยตัวเต็งเหรียญทองจากคิวบา
ก่อนชกหลายคนมองว่า ฉัตร์ชัยเดชา เป็นรองเรื่องสภาพร่างกาย เพราะอายุอานาม 36 ปีแล้ว แถมไฟต์ก่อนหน้านี้ก็มีแผลแตกบริเวณหางคิว อีกทั้งคู่ชกอย่าง อัลวาเรซ เป็นมวยสูงยาว จังหวะฝีมือ ชั้นเชิงแพรวพราว ความเก๋าเกมส์ไม่มีแพ้ ฉัตร์ชัยเดชา
พอเป็นเกมที่มวยฝีมือเจอกัน ก็ขึ้นอยู่กับวันนั้นใครจับจังหวะได้ดีกว่ากัน ซึ่งยกแรกดูเหมือนจะเป็น อัลวาเรซ ทำได้ดีกว่านิดหน่อย คะแนนที่ออกมาให้ อัลวาเรซ 3-2 เสียงถือว่าพอยอมรับได้
ยกสอง ฉัตร์ชัยเดชา ขยันออกมาอาวุธมากกว่า อาจจะมีติดบังบ้าง ต่อยแฉลบการ์ด แต่ทำได้ดีกว่ายกแรกแน่นอน ส่วน อัลวาเรซ อาศัยดักเก็บจังหวะสอง วนหนี คุมรูปมวย
ในยกที่สองนั้นถ้าพูดตามภาษามวยคือ ให้ใครชนะก็ได้ เพราะเบียดกัน มีดีคนละแบบ ฉัตร์ชัยเดชา ได้ลูกชัดเจน ต่อยเยอะ ส่วน อัลวาเรซ ได้อาการมวยดีกว่า ทรงยังสวยอยู่
คะแนนที่ออกมาให้ อัลวาเรซ ชนะ 3-2 เสียง ก็ยังไม่เสียหาย เพราะยกสุดท้ายถ้า ฉัตร์ชัยเดชา ชนะสัก 5-0 เสียง ผลคะแนนรวม อาจจะยังพอพลิกเกมได้
สองยกแรกให้แพ้แบบเฉียดฉิว พอเข้าใจได้ เพราะมวยระดับนี้ ถ้าเกมสูสี ยังไงหน้าเสื่อ ความน่าเชื่อถือ ยี่ห้อคิวบา กับไทย ยังไง กรรมการก็เอนเอียงเทใจให้ คิวบา อยู่แล้ว เพราะในการแข่งขัน มวยสากลสมัครเล่นที่โอลิมปิกไม่ว่าจะผ่านมากี่สมัย มันก็ชัดเจนเสมอว่า นักมวยไทย ถ้าต่อยไม่ขาดจริง ยากมากที่จะชนะคะแนนได้
แล้วเสื่อก็แข็งจริงๆ ทั้งที่ไม่ว่ามองเหลี่ยมไหม จะมองที่ภาพรวม อาการมวย รูปมวย หรือมองที่จำนวนการออกหมัด ความแม่นยำ เข้าเป้า ยกสามก็ชัดเจนว่า ฉัตร์ชัยเดชา ทำได้ดีกว่าชัดเจนมาก ๆ แม้ท้ายยกอาจช่วงที่ คิวบา เร่งเครื่องมาได้บ้าง แต่ก็ไม่ควรถึงขั้นที่กรรมการจะคะแนนให้ คิวบา ชนะยกนี้
แต่สุดท้าย กรรมการ 2 ท่านก็เลือกให้ คิวบา ชนะในยกสุดท้าย ทำให้ผลรวมคะแนน 3 ยกจากกรรมการ 5 ท่าน ออกมาเป็น ฉัตร์ชัยเดชา ชนะ 2 เสียง ส่วน อัลวาเรซ ชนะ 3 เสียง ถ้ามองเป็นแบบกลาง คู่นี้จะฉัตร์ชัยเดชา หรืออัลวาเรซ จะชูมือให้ใครชนะก็ได้ครับ สูสีดีทั้งคู่
แต่สิ่งที่คนคาใจคือ ทำไมยกสุดท้าย ฉัตร์ชัยเดชา ถึงชนะคะแนน 3-2 เสียงไม่ใช่ 4-1 หรือ 5-0 แบบที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะกรรมการท่านหนึ่ง เหมือนเลือกมาจากบ้านไว้แล้วทิ้งดิ่งให้ อัลวาเรซ ชนะ ฉัตร์ชัยเดชา ทุกยก
ส่วนคู่ของ “สุดาพร” นั้น แตกต่างออกไปเล็กน้อย เพราะสองยกแรก เคลลี่ แฮร์ริงตัน แสดงให้เห็นเธอเป็นมวยที่ชกด้วยยาก สมราคามือ 1 ของโลก เพราะเธอต่อยได้สองการ์ด แถมยังมีหมัดหน้าที่อันตรายมาก ทำให้ สุดาพร ก็ค่อนข้างเหนื่อยในการหาช่องเจาะ
แต่ สุดาพร ก็ได้ลูกขยัน ลูกพยายาม จนทำให้เกมค่อนข้างเบียดเอี๊ยด สูสีสุด ๆ ชิงจังหวะกันสุด ๆ ผ่านไปสองยก เคลลี่ ขึ้นนำไปก่อนด้วยคะแนน 3-2 เสียงทั้ง 2 ยก ในทางทฤษฏี สุดาพร ยังมีโอกาสพลิกชนะได้ ถ้ายกสามเธอเร่งเครื่องกดสัก 5-0 เสียง ก็มีสิทธิ์เป็นไปได้ทั้งนั้น
ยกสาม สุดาพร จับจุด เคลลี่ ได้ เพราะยิงหมัด ต่อยเข้าเป้าหลายดอก ชกได้ดี ทรงมวยก็ดูดีกว่า แต่เหมือนเดิมครับ กรรมการให้ นักมวยไทย ชนะไปแค่ 3-2 เสียง ทั้งที่มันควรจะเป็น 4-1 เสียง หรือ 5-0 เสียงมากกว่า
ที่น่าแปลกคือ มีกรรมการท่านหนึ่ง 2 ยกแรกให้ สุดาพร ชนะทั้งสองยก แต่พอยกสามที่ สุดาพร ต่อยได้ดีกว่าสองยกแรก เป็นยกที่จะแจ้งมากสุด และยกสุดท้ายเป็นยกที่ เคลลี่ ชกได้แย่กว่าสองยกแรก แต่กรรมการท่านนี้กลับให้ เคลลี่ แฮร์ริงตัน ชนะในยกนี้ แบบสุดงง
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับนักมวยไทยในเวทีมวยโอลิมปิก ในเกมที่เบียดเอี๊ยด สูสี ต้องยอมรับว่าหน้าเสื่อไทย ยังเป็นรองชาติอื่น
ทั้งที่ฝีมือของ ฉัตร์ชัยเดชา และ สุดาพร พวกเขาไม่ได้แพ้ คู่ต่อสู้เลยสักนิด สู้ได้อย่างน่ายกย่อง แต่ในเมื่อเกมไม่ขาด โอกาสชนะของนักมวยไทยจึงกลายเป็นเรื่องยากทันที จุดนี้ก็น่าเห็นใจนักมวยบ้านเราจริงๆ ครับ
@ *คลิก* ติดตามต่อกับพันธมิตรข่าว เว็บ boxingboy2021.blogspot.comได้เลยครับ.
