-@@- ย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 ศึกมวยสากลสมัครเล่นรุ่นไลท์ ฟลายเวท 49 กก. นักชกจากแดนมังกร ขึ้นสังเวียนเผชิญหน้า ร.ต.แก้ว พงษ์ประยูร ความหวังเหรียญทองคนสุดท้าย ก่อนทุกอย่างจะจบลงแบบดราม่าเมื่อ แก้ว เป็นฝ่ายแพ้คะแนนต่อ ซู ชิ หมิง ชวดเหรียญทองชนิดค้านสายตาคนดูทั่วโลก ขณะที่ผู้ชนะก็หันมาเทิร์นโปรเป็นนักมวยอาชีพภายใต้สังกัด “ท็อปแรงก์” ของ บ็อบ อารัม โปรโมเตอร์ชื่อดัง แม้เรื่องราวจะผ่านมา 2 ปีแล้วเชื่อว่ายากที่ใครจะลืมเลือนง่ายๆ
ขณะที่ อำนาจ ซึ่งผ่านการขึ้นสังเวียนชกอาชีพและเตรียมตัวมาอย่างดี แม้จะเคยดวลกับ ซู ชิ หมิง บนเวทีมวยสากลสมัครเล่นมา 3 ครั้ง ชนะ 1 แพ้ 2 ทว่าเจอกันงวดนี้ในสังเวียนอาชีพที่โคไทอารีนา เขตปกครองพิเศษมาเก๊า สาธารณรัฐประชาชนจีน ย่อมไม่ง่ายแน่นอน ดังนั้น แก้ว พงษ์ประยูร อดีตกำปั้นทีมชาติไทยซึ่งเคยเสียน้ำตาบนเวทีที่กรุงลอนดอนต่อนักชกชาวจีนมาแล้ว ก็แนะนำให้ “เจ้าเพชร” พยายามออกอาวุธให้เข้าเป้าและเด็ดขาด และมุ่งสมาธิอยู่ที่คู่ต่อสู้เพียงอย่างเดียวโดยไม่ต้องสนใจสิ่งรอบข้าง โดยเฉพาะกองเชียร์เจ้าถิ่นที่น่าจะมาแน่นขนัด
นักชกเหรียญเงินโอลิมปิก 2012 เผยว่า “วงการมวยอาชีพต้องเน้นความแข็งแรง ต่อยแรง เดินหน้าแลกหมัด ซึ่งไม่น่าเข้าทาง ซู ชิ หมิง เพราะเขาเป็นนักชกสไตล์ตั้งรับและมีลูกเล่นตุกติกมากมาย อีกอย่างก็อายุเยอะแล้ว คิดว่าเราเองก็น่าจะมีโอกาสชนะ ทว่าการที่ต้องไปต่อยที่บ้านเขาอาจทำให้เรากลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ด้วยปัจจัยหลายอย่างเช่นเสียงเชียร์ของแฟนเจ้าถิ่น หรือแม้แต่ผู้ตัดสินบนเวที ดังนั้นก็อยากให้ออกหมัดชนะแบบเด็ดขาดไปเลย เพราะหากยืดเยื้อจนต้องตัดสินแบบนับคะแนนโอกาสแพ้ก็มีสูง”
ขณะที่ สมจิตร จงจอหอ ดีกรีเหรียญทอง “ปักกิ่งเกมส์ 2008” แนะ “เจ้าเพชร” เน้นฝึกสมาธิเพื่อช่วยลดความกดดันในการชกนอกบ้าน รวมถึงเพิ่มน้ำหนักหมัดให้มากขึ้นก่อนขึ้นสังเวียน “การที่เราต้องชกในบ้านของคู่แข่ง และมีตำแหน่งแชมป์โลกเป็นเดิมพัน ความกดดันย่อมถาโถมเข้ามา ซึ่งจากประสบการณ์ผมจะใช้วิธีทำสมาธิอยู่คนเดียวเงียบๆ ขจัดความกลัวและความกังวลออกไป นั่นคือสิ่งที่จะช่วยให้เรามีสมาธิและคิดวิธีแก้เกมได้เร็ว ขณะเดียวกันก็อยากเน้นให้ฝึกเพิ่มน้ำหนักหมัด เพราะหากน็อกคู่แข่งได้ก็จะขจัดปัญหาตุกติกได้ด้วย”
ส่วน “จิมมี่” เอกรัฐ ไชยโชติช่วง โปรโมเตอร์เกียรติกรีรินทร์ โปรโมชั่น กล่าวเชื่อมั่นในตัวนักมวยของตนว่าจะเป็นฝ่ายชนะแน่หากชกได้ตามแผน “สำหรับการเตรียมตัวก่อนขึ้นชก ทางผู้ฝึกสอนได้ดูวีดีโอศึกษาไฟต์ที่ ซู ชิ หมิง ดวลกับ ขวัญพิชิต 13 เหรียญเอ็กซ์เพรส จากที่เห็นจะพบว่าคู่แข่งมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วทำให้เป็นฝ่ายชนะ ดังนั้นเราเลยปรับแผนให้ อำนาจ ฟิตซ้อมเพิ่มน้ำหนักหมัด, เคลื่อนไหวให้เร็ว และเตือนอย่าทำผิดกติกา เช่น การชกใต้เข็มขัดเพราะอาจถูกตัดคะแนน ซึ่งจากที่ดูการซ้อมผมมั่นใจว่า อำนาจ จะป้องกันแชมป์นี้เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทยได้แน่นอน”
สุดท้าย อำนาจ แม้ไฟต์ล่าสุดที่เจอกันบนสังเวียนสมัครเล่นจะเป็นฝ่ายแพ้ที่ กวางโจวเกมส์ 2010 แต่ก็หวังล้างตาและแก้แค้นให้กับรุ่นพี่อย่าง แก้ว พงษ์ประยูร ที่ชวดเหรียญทองทั้งน้ำตาด้วย โดยมีแชมป์และเงินค่าตัว 9 ล้านบาท เป็นรางวัลความสำเร็จที่รออยู่ข้างหน้า “สำหรับผม ซู ซิ หมิง มีความแข็งแกร่งอยู่พอสมควร แต่กว่าจะถึงวันขึ้นชกก็ยังมีเวลาซ้อมอีก 3 เดือน แน่นอนว่านี่คือไฟต์ที่ผมรอคอย ความเร็วเราถือว่าเท่ากัน ทว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยมีลูกหวือหวามากนัก ซึ่งผมจะชกอย่างเต็มที่และพยายามน็อกให้ได้ เพื่อเก็บเข็มขัดเส้นนี้ไว้ที่ประเทศไทยเหมือนเดิม”
@ขอขอบคุณภาพ-คลิป-ข่าว : www.manager.co.th