แต่ปัจจุบันว่ากันต่อไปอีกว่า บรรดานักมวยไทยชื่อดังหากขึ้นต่อยในเมืองไทยในยุคนี้ (พ.ศ.2562) อย่างเก่งค่าตัวก็อยู่ที่ 200,000 – 250,000 บาทต่อไฟต์ เพราะผู้จัดเองก็ประสบปัญหาขาดทุนจากยอดจำหน่ายตั๋ว ยิ่งถ้านำนักมวยไทยชื่อดังมาขึ้นเวทีเป็นคู่เอกของรายการนั้นๆ ยิ่งมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเป็นทวีคูณ

ดังนั้นบรรดายอดนักมวยไทยทั้งหลายที่ยังต่อยอยู่จึงเลือกที่จะหันเหเส้นทางไปเซ็นสัญญาขึ้นสังเวียนต่อยต่างประเทศอย่างเช่น จีน, มาเก๊า, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น ฯลฯ เป็นต้น

ว่ากันต่อไปอีกนั่นแหละว่า นักมวยไทยชื่อดังที่เบนเข็มไปขุดทองสังเวียนนอกประเทศนั้น โกยรายได้มหาศาลชนิดที่ว่าขึ้นต่อยเวทีเมืองไทย 3 ไฟต์ยังได้รายได้ไม่เท่ากับขึ้นต่อยที่เวทีต่างประเทศไฟต์เดียวเลย

นี่ยังไม่นับ รายได้จากมูลค่าของตัวนักมวยเอง ที่จะช่วยสร้างแบรนด์การแข่งขัน การโฆษณาให้กับสินค้าต่างๆ อีกมากมาย

ลองมาเปิดรายได้ค่าตัวนักมวยไทยชื่อดังที่เลือกไปขุดทองต่างประเทศแต่ละไฟต์กันดูว่า 7 อันดับของนักมวยไทยมีใครกันบ้าง…

อันดับ 7 

“คนไม่ยอมคน” เสกสรร อ.ขวัญเมือง (400,000 บาท)

อันดับ 6 

“ขวัญใจนักเรียน” แสงมณี ส.เทียนโพธิ์ (500,000 บาท)

อันดับ 5 

แสนชัย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม (800,000-1,000,000 บาท)

อันดับ 4 

แก้ว แฟร์เท็กซ์ (1,000,000 บาท)

อันดับ 3

ยอดแสนไกล แฟร์เท็กซ์ (1,200,000 บาท)

อันดับ 2

สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง (1,500,000 บาท)

อันดับ 1

บัวขาว บัญชาเมฆ (4,000,000 บาท)