<<>> นักมวยในตำนานที่เรียกได้ว่าสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยอย่างมากเลยทีเดียวสำหรับ “สมรักษ์ คำสิงห์” หรือ
นาวาตรี สมรักษ์ คำสิงห์ ร.น. นักกีฬาทีมชาติไทยคนแรกที่ได้ชื่อว่าเป็นวีรบุรุษโอลิมปิก หลังจากที่คว้ารางวัลเหรียญทอง จากการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น เมื่อกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 26 ปี 2359 ณ เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2539 ประเทศสหรัฐอมริกา เจ้าของคำพูดติดปาก “ไม่ได้โม้” นั่นเอง
บาส สมรักษ์ คำสิงห์ เป็นหนุ่มหมู่บ้านโนนสมบูรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เขาเกิดเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2516 ปัจจุบันนี้เขาอายุ 46 ปี เขาเริ่มขึ้นชกมวยครั้งแรกเมื่อตอนอายุ 7 ปี โดยตระเวนชกตามงานวัดต่างๆ ก่อนที่จะได้รับการเชิญชวนให้จากคณะณรงค์ยิม ขึ้นชกภายใต้ชื่อ “สมรักษ์ ณรงค์ยิม” จนกลายเป็นนักมวยชื่อดังของจังหวัดขอนแก่นหลังจากนั้นเขาก็โลดแล่นบนเวทีมวยต่างๆมากมาย จนมีประสบการณ์มากขึ้นเรื่อยๆ ได้ขึ้นชกเวทีมาตรฐานอย่างราชดำเนิน เวทีลุมพินีในยุคนั้นกับนักมวยชื่อดังหลายคน ก่อนที่จะหันมาเอาดีด้านมวยสากลสมัครเล่น ในยุคนั้นเขาถือว่าเป็นนักมวยเงินแสน ที่ได้รับค่าตัวการชกมวยอยู่ที่ประมาณ 180,000 บาทเลยทีเดียว
ในปี พ.ศ. 2535 สมรักษ์ ได้เข้าร่วมทีมชาติครั้งแรกในการแข่งขันโอลิมปิก ที่บาร์เซโลนา แต่ผลปรากฏว่าเขาตกรอบแรก ก่อนที่จะสะสมชื่อเสียงและฝีมือเรื่อยๆจากเวทีมวยทั้งในและต่างต่างประเทศ ก่อนที่สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าเหรียญทองโอลิมปิก ปี พ.ศ.2539 ที่ได้ชนะ เซราฟิม โทดีรอฟ นักชกจากประเทศบัลแกเรีย ที่ทำเอาคนทั่วประเทศต่างส่งเสียงเชียร์และภาคภูมิใจอย่างมาก ซึ่งหลังจากนั้นสมรักษ์ก็กลายเป็นคนดังที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในยุคนั้น แต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการชกมวยเท่าไหร่นัก จนได้ประกาศแขวนนวมแบบจริงจังเมื่อตอนอายุ 41 ปี และปัจจุบันนี้สมรักษ์ยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการ โดยมีผลงานด้านการแสดง พิธีกรออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีธุรกิจส่วนตัวคือร้านหมู่กระทะย่านเกษตร–นวมินทร์ และเปิดค่ายมวยเป็นของตัวเองชื่อว่า ส.คำสิงห์
นอกจากจะมีเรื่องราวของนักมวยในอดีตให้คอกีฬาได้นึกถึงกันแล้ว ปีนี้ยังเป็นปีที่มีแมตช์การแข่งขันระดับโลกอย่างเวิร์ลคัพ ที่หลายคนต่างรอเชียร์และติดตาม เรียกได้ว่าโลกกีฬานั้นเป็นโลกแห่งสีสันที่ไม่เคยหยุดนิ่งอย่างแท้จริง www.bettingtop10.com
