<<>> ได้ครบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ 12 ทีมสุดท้าย ของศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบ 3 และ 1 ในนั้นก็คือ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ซึ่งหัวใจหลักของแต่ละทีมคงหนีไม่พ้นตำแหน่ง “กุนซือ” เรามาดูกันดีกว่าว่าผลงานที่ผ่านมาของกุนซือทั้ง 12 ทีม เจ๋งแค่ไหน…

หลังจากขับเคี่ยวกันมาอย่างเข้มข้น ในที่สุดก็ได้ 12 ทีมสุดท้าย ที่ผ่านเข้าสู่การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยวันนี้ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์ จะพามาทำความรู้จักกับ 12 กุนซือของทั้ง 12 ทีมชาติ ใครเจ๋งแค่ไหนไปติดตามกันได้เลย
1.เบิร์ต ฟาน มาร์ไวจ์ค  (กุนซือทีมชาติซาอุดีอาระเบีย)

 

เบิร์ต ฟาน มาร์ไวจ์ค

ฟาน มาร์ไวจ์ค  กุนซือวัย 63 ปี ชาวเนเธอร์แลนด์ เคยเป็นนักเตะมาก่อน ค้าแข้งให้กับทีม โก อเฮด อีเกิลส์, อาร์แซด อัลค์มาร์, เอ็มวีวี และ ฟอร์ทูนา ซิตตาร์ด และได้ประกาศแขวนสตั๊ดในปี 1998 และมารับงานกุนซืออย่างเต็มตัว โดยประเดิมคุมทีม ฟอร์ทูนา ซิตตาร์ด เป็นทีมแรก ปี 1998-2000  ตามมาด้วย ทีมเฟเยนูร์ด ปี 2000-2004 โดยพาทีม เฟเยนูร์ด คว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ ในฤดูกาล 2001-2002 จากนั้นปี 2004 ย้ายไปคุมทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ก่อนจะย้ายกลับมาคุมทีมเฟเยนูร์ด อีกครั้งในปี 2007 พาทีมคว้าแชมป์ เคเอ็นวีบี คัพ ในปี 2008 และในปีเดียวกันเขาตกลงรับงานไปคุมทีมชาติเนเธอร์แลนด์ พาขุนพลอัศวินสีส้มเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2010 ก่อนจะพ่ายสเปนไปในช่วงต่อเวลาพิเศษ 0-1 ได้เพียงรองแชมป์ จากนั้นปี 2013  ย้ายไปคุมทีม ฮัมบูร์ก แต่คุมทีมทำผลงานได้ไม่ดีเลยถูกปลดออกจากตำแหน่งไป จากนั้นเดือนสิงหาคม ปี 2015 เขาตกลงเซ็นสัญญาคุมทัพ ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย และล่าสุดก็สามารถพาทีมผ่านเข้าสู่รอบ 12 ทีม สุดท้าย ศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ได้สำเร็จ ในฐานะแชมป์กลุ่ม เอ ลงแข่ง 8 นัด ชนะ 6 เสมอ 2

2.อันเจลอส ปอสเตโคกลู (กุนซือทีมชาติออสเตรเลีย)

 

อันเจลอส ปอสเตโคกลู

ปอสเตโคกลู กุนซือวัย 50 ปี เคยเป็นอดีตนักเตะมาก่อนเช่นกัน ค้าแข้งกับทีมเซาธ์ เมลเบิร์น และ เวสต์เทิร์น ซับเบิร์บส์ เคยติดทีมชาติออสเตรเลีย ชุดยู-20 13 นัด และติดทีมชาติชุดใหญ่ 4 นัด จากนั้นได้ผันตัวเองเป็นกุนซือ เริ่มต้นด้วยการคุมทีม เซาธ์ เมลเบิร์น ปี 1996-2000 จากนั้นช่วงปี 2000-2007 ไปคุมทีมชาติออสเตรเลีย ชุดเยาวชน พาทีมคว้าแชมป์ โอเอฟซี ยู-17 แชมเปียนชิพ ปี 2001, 2003 และ 2005 ,คว้าแชมป์ โอเอฟซี ยู-20 แชมเปียนชิพ ปี 2001, 2002 และ 2005, คว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ยู-19 ยูธ แชมเปียนชิพ ปี 2016 จากนั้นปี 2008 ไปคุมทีม พานาชาอิกิ จากนั้นปี 2009 ย้ายไปคุมทีม บริสเบน โรว์ พาทีมคว้าแชมป์ เอลีก พรีเมียร์ชิพ ฤดูกาล 2010-11, คว้าแชมป์ เอลีก แชมเปียนชิพ ฤดูกาล 2011-12 และในปี 2013 รับงานคุมทีมชาติออสเตรเลียชุดใหญ่ พาทีมคว้าแชมป์เอเชียน คัพ 2015 และได้โค้ชแห่งปีของ เอเอฟซี ในปีเดียวกันด้วย และล่าสุดพาทีมเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย คัดบอลโลก 2018 โซนเอเชีย ในฐานะแชมป์กลุ่ม บี ลงแข่ง 8 นัด ชนะ 7 

3.โจเซ ดาเนียล คาร์เรโน  (กุนซือทีมชาติกาตาร์)

 

โจเซ ดาเนียล คาร์เรโน

คาร์เรโน วัย 52 ปี เคยเป็นนักเตะอาชีพมาก่อน เคยค้าแข้งกับหลายทีม รวมทั้งทีมดังในฝรั่งเศสอย่าง ล็องส์ ก่อนจะผันตัวเองมาเป็นกุนซือในปี 2000 ซึ่งผลงานการคุมทีมในระดับสโมสร ที่สำคัญๆ ก็คือ พาทีมมอนเตวิดีโอ คว้าแชมป์ อุรุกวัย เซกุนดา ดิวิชั่น 1 ปี 2000, โคปา ลิเบอร์ตาโดเรส อุรุกวัย ปี 2001, พาทีมนาซิอองนาล ซิวแชมป์ อุรุกวัย พรีเมรา ดิวิชั่น 1 ปี 2002 และแชมป์โคปา ลิเบอร์ตาโดเรส อุรุกวัย ปี 2007, พาทีม อัล นาสเซอร์ คว้าแชมป์ลีกสูงสุดซาอุดีอาระเบีย ในฤดูกาล 2013-14 และ ซาอุดิ โครว์น ปรินซ์ คัพ ฤดูกาล 2013-14 ก่อนจะมารับงานคุมทีมชาติกาตาร์ในปี 2015 โดยคุมทัพกาตาร์ไปแล้ว 11 นัด ชนะ 8 แพ้ 3 และพาทีมผ่านเข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2018 โซนเอเชีย ในฐานะแชมป์กลุ่มซี ลงแข่ง 8 นัด ชนะ 7 แพ้ 1

4.คาร์ลอส เคย์รอซ (กุนซือทีมชาติอิหร่าน)

 

คาร์ลอส เคย์รอซ (ซ้าย)

เคย์รอซ วัย 63 ปี โด่งดังมาจากการเป็นมือขวาของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนจะออกจากถิ่นโอลด์ แทรฟเฟิร์ด ไปเป็นผู้จัดการทีมแบบเต็มตัวกับ ทีมเรอัล มาดริด ในปี 2003 แต่สุดท้ายไปไม่รอด ต้องกลับสู่รังผีแดงอีกครั้งในปี 2004 ก่อนจะออกไปรับงานกุนซือเต็มตัวอีกครั้งในปี 2008 กับทีมชาติโปรตุเกส และจากนั้น ปี 2011 ก็มารับงานคุมทีมชาติอิหร่าน และล่าสุดพาทีมเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย คัดบอลโลก โซนเอเชีย ในฐานะ แชมป์กลุ่ม ดี ด้วยการลงเล่น 8 นัด ชนะ 6 เสมอ 2 ขณะที่ผลงานของเขาในการคุมทีมชาติอิหร่าน 61 นัด ชนะ 35 เสมอ 18 และแพ้ 8 นัด

5.วาฮิด ฮาลิลฮอดซิช (กุนซือทีมชาติญี่ปุ่น)

 

วาฮิด ฮาลิลฮอดซิช

ฮาลิลฮอดซิช กุนซือชาวยูโกสลาเวีย วัย 63 ปี เคยคุมทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และพาทัพเปแอสเช คว้าแชมป์ คูเป เด ฟรองซ์ ฤดูกาล 2003-2004 และคว้าแชมป์ลีก เอิง ในปีเดียวกัน ส่วนรางวัลส่วนตัวเคยได้ กุนซือฝรั่งเศสยอดเยี่ยมแห่งปี 2001  โดย ฮาลิลฮอดซิช นั้นเข้ามาคุมทีมชาติญี่ปุ่น ในเดือนมีนาคม ปี 2015 และล่าสุดสามารถพาแข้งซามูไร ทะลุเข้าสู่รอบ 12 ทีม คัดบอลโลก 2018 โซนเอเชีย ได้สำเร็จ ในฐานะแชมป์กลุ่มอี ด้วยการลงเล่น 8 นัด ชนะ 7 เสมอ 1 โดยสถิติการคุมทีมชาติญี่ปุ่นของเขา 15 นัด ชนะ 10 เสมอ 4 แพ้ 1

6.เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง (หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย)

 

เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

เกียรติศักดิ์ วัย 42 ปี ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยในฐานะนักเตะทีมชาติไทย เขาได้แชมป์อาเซียน ฟุตบอล แชมเปียนชิพ 3 สมัย, เหรียญทองซีเกมส์ 4 สมัย, แชมป์คิงส์คัพ 3 สมัย และเคยไปค้าแข้งที่สิงคโปร์ และเวียดนามมาแล้วอีกด้วย ซึ่ง ซิโก้ ผันตัวเองมาเป็นกุนซือเมื่อปี 2006 และได้คุมทีมหลายสโมสร กระทั่งมาตกลงรับงานคุมทีมชาติไทยชุดยู-23 ในปี 2013 พาทีมได้ที่ 4 เอเชียนเกมส์ และเหรียญทองซีเกมส์ 2013 จากนั้นปี 2014 ซิโก้ ขึ้นมาคุมทัพช้างศึกชุดใหญ่ พาทีมคว้าแชมป์ อาเซียน ฟุตบอล แชมเปียนชิพ 2014 ไปครองทันที และตอนนี้ก็สามารถพาทีมชาติไทย ผ่านเข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้าย คัดบอลโลก 2018 โซนเอเชีย ได้แล้ว ในฐานะแชมป์กลุ่ม เอฟ ลงเล่น 6 นัด ชนะ 4 เสมอ 2

7.อูลี สตีลลิเค (กุนซือทีมชาติเกาหลีใต้)

 

อูลี สตีลลิเค

กุนซือวัย 61 ปี ชาวเยอรมัน เคยประสบความสำเร็จมากมายในฐานะนักเตะ เคยได้แชมป์บุนเดสลีกา กับทีมโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 3 สมัย, แชมป์ยูฟ่า คัพ ปี 1975  จากนั้นปี 1977 ย้ายไปร่วมทีม เรอัล มาดริด ช่วยราชันชุดขาวคว้าแชมป์ ลา ลีกา สเปน 3 สมัย, แชมป์โกปา เดล เรย์ 2 สมัย, แชมป์โกปา เดอ ลาลีกา 1 สมัย, แชมป์ยูฟ่า คัพ 1 สมัย, แชมป์ยูโรเปียน คัพ 1 สมัย ก่อนที่ปี 1985 จะย้ายไปเล่นในลีกสวิตเซอร์แลนด์ กับ นูชาเทล ซาแมกซ์  ได้แชมป์ สวิส ซุปเปอร์ลีก 2 สมัย ส่วนผลงานระดับทีมชาติเยอรมัน เคยได้แชมป์ยุโรป ปี 1980

ขณะที่ผลงานในฐานะกุนซือ เคยพาทีม อัล-ไซลิยา คว้าแชมป์ลีกสูงสุดการ์ตา 1 สมัย โดยเขาเข้ามาคุมทีมชาติเกาหลีใต้ ในปี 2014 พาทีมชาติเกาหลีใต้ เข้าชิงเอเชียน คัพ 2015 และคว้าแชมป์ อีเอเอฟเอฟ อีสต์ เอเชียน คัพ ปี 2015 และล่าสุดพาทีมผ่านเข้ารอบ 12 ทีม คัดบอลโลก 2018 โซนเอเชีย ในฐานะแชมป์กลุ่มจี โดยสามารถเก็บชัยชนะได้ 100 เปอร์เซ็นต์!

8.แซมเวล บาบายาน (กุนซือทีมชาติอุซเบกิสถาน)

 

แซมเวล บาบายาน

บาบายาน วัย 44 ปี เคยคุมทีมปัคตากอร์ ก่อนจะเข้ามาคุมทีมชาติอุซเบกิสถาน ในปี 2015 โดยในรอบคัดเลือกบอลโลก 2018 รอบ 2 เขาพาทีมลงเล่น 8 นัด ชนะ 7 แพ้ 1 ผ่านเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่ม เอช ด้วยการลงเล่น 8 นัด ชนะ 7 แพ้ 1

9.มาห์ดี อาลี (กุนซือทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)

 

มาห์ดี อาลี

อาลี วัย 50 ปี เคยค้าแข้งกับทีมชุดใหญ่ของ อัล อาห์ลี ในลีกบ้านเกิด ระหว่างปี 1983-1988 ลงเล่นไป 194 นัด ทำไป 12 ประตู จากนั้นปี 2013 ผันตัวเองมาเป็นกุนซือ พาทีมยูเออี ชุดยู-19 คว้าแชมป์ เอเอฟซี ยู-19 แชมเปียนชิพ ปี 2008, พาทีมยูเออี ชุดยู-23 คว้าเหรียญเงินเอเชียนเกมส์ ปี 2010, พาทีมยูเออีชุดใหญ่คว้าอันดับ 3 กัลฟ์ คัพ ออฟ เนชันส์ ปี 2014 และ ที่ 3 เอเอฟซี เอเชียน คัพ 2015 โดยล่าสุดสามารถพาทีมยูเออี ผ่านเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย คัดบอลโลก 2018 โซนเอเชีย ในฐานะ 1 ใน 4 ทีมที่ดีที่สุดของรองแชมป์กลุ่ม ลงเล่น 8 นัด ชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 1 ส่วนสถิติการคุมทีมยูเออีชุดใหญ่ของเขานั้น 50 นัด ชนะ 30 เสมอ 12 แพ้ 8

10.เกา ฮองโบ (กุนซือทีมชาติจีน)

 

เกา ฮองโบ

ฮองโบ วัย 50 ปี เคยค้าแข้งกับทีมดังอย่าง ปักกิ่ง กั๋วอัน โดยผันตัวเองมาเป็นโค้ชในปี 1977 ส่วนใหญ่ก็คุมทีมภายในประเทศ ในปี 2007 พาทีม ฉางเฉินฯ คว้าแชมป์ไชนิส ซุปเปอร์ลีก ได้ด้วย จากนั้นในปี 2009-2011 เขารับงานเป็นกุนซือทีมชาติจีนชุดใหญ่ และพาทีมคว้าแชมป์อีสต์ เอเชียน ฟุตบอล แชมเปียนชิพ ในปี 2010 และในปี 2015 เขามีโอกาสได้เข้าไปเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีม เอดีโอ เดน ฮาร์ก ทีมในลีกเนเธอร์แลนด์ด้วย แต่ในปี 2016 ก็เข้ารับงานคุมทีมชาติจีนอีกครั้ง และสามารถพาทีมผ่านเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย คัดบอลโลก 2018 โซนเอเชีย ได้สำเร็จในฐานะ 1 ในรองแชมป์กลุ่มที่ดีที่สุด จากการเป็นรองแชมป์กลุ่มซี ลงเล่น 8 นัด ชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 1

11.ฟาร์ อิบราฮิม (กุนซือทีมชาติซีเรีย)

 

ฟาร์ อิบราฮิม

อิบราฮิม วัย 51 ปี เคยเป็นอดีตนักเตะมาก่อน เคยค้าแข้งกับทีม อัล-วาห์ดา จากนั้นปี 2006 เริ่มผันตัวเองมาเป็นโค้ช โดยผลงานในการคุมทีมชาติซีเรียของเขานั้น 40 นัด ชนะ 23 เสมอ 9 แพ้ 8 ซึ่ง ฮิบราฮิม สามารถพาซีเรีย ผ่านเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย คัดบอลโลก 2018 โซนเอเชีย ได้สำเร็จในฐานะ 1 ในรองแชมป์กลุ่มที่ดีที่สุด จากการเป็นรองแชมป์กลุ่มอี ลงเล่น 8 นัด ชนะ 6 แพ้ 2

12.ราดี ชาไนชิล (กุนซือทีมชาติอิรัก)

 

ราดี ชาไนชิล (กุนซือทีมชาติอิรัก)

สำหรับ ชาไนชิล วัย 49 ปี เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นกุนซือใหม่ของทีมชาติอิรักสดๆร้อนๆ โดยเขาเคยเป็นนักเตะอาชีพมาก่อน ติดทีมชาติอิรักไปทั้งสิ้น 80 นัด ทำไป 6 ประตู โดยเขาเริ่มงานในฐานะกุนซือเมื่อปี 2006-2007 กับสโมสร แอร์ฟอร์ซ เอสซี ก่อนจะไปคุมสโมสรอีก 4 สโมสร โดย ชาไนนิล นั้นเคยคุมทีมชาติอิรักชุดใหญ่มาแล้ว 2 หน ในปี 2009 และ ปี 2014-15 โดยผลงานที่น่าสนใจของเขาคือการพาทีม อัล ซาวรา คว้าแชมป์ลีกอิรัก ปี 2010-2011 และพาทีมชาติอิรัก ได้อันดับ 4 เอเชียน คัพ ปี 2015 ที่ประเทศออสเตรเลีย

หลังดูจากผลงานของกุนซือทั้ง 12 คนถือว่าฝีมือยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ซึ่งน่าจะทำให้ศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 3 สนุกเร้าใจอย่างแน่นอน!

 

@ News & Photo Credit : www.thairath.co.th 

เชิญแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ

comments