-@@- แมนนี่ ปาเกียว (57-6-2, 38KOs) ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า..ตนไม่ได้เป็นผู้เลือก ทิโมธี แบรดลี่ย์ เป็นคู่ชกในไฟต์วันที่ 9 เมษายน..คนเลือกที่แท้จริงคือ บ็อบ อารัม ต่างหาก..ซึ่งตนก็ไม่แคร์ว่าคู่ชกของตนเป็นใคร ตนจะต้องจบไฟต์สุดท้ายให้ดีที่สุด
…เรื่องนี้เป็นไปในทางตรงกันข้ามกับที่ทุกคนคิด เพราะแฟนมวยเชื่อสนิทว่า ปาเกียวเป็นคนเลือกแบรดลี่ย์ เพื่อหวังชัยชนะก่อนที่จะแขวนนวม.. เมื่อเรื่องกลับตาลปัตรเหมือนคำสัมภาษณ์ของปาเกียว แฟนมวยจึงสงสัยว่า เหตุใดบ็อบ อารัม จึงเลือกแบรดลี่ย์(แทนที่จะเลือกครอว์ฟอร์ดที่อาจจะเป็นดาวดัง PPV ในวันข้างหน้า)..
เหตุผลที่พอฟังได้ก็เป็นดังที่ อารัม เคยพูดไว้ คือสามารถขายเปย์-เปอร์-วิว ได้ดีกว่าคู่ชกคนอื่นๆ ในสังกัด เพราะเชื่อว่า การเทรนของ เทดดี้ แอตลาส สามารถเปลี่ยนสไตล์ของแบรดลี่ย์ให้เป็นที่สนใจได้…
-@@- ทว่าเรื่องดังกล่าวนี้ แมนนี่ ปาเกียว กลับไม่เชื่อว่า..เทรนเน่อร์แอตลาส จะสามารถเปลี่ยนสไตล์ของแบรดลี่ย์ได้ในเวลาอันสั้น และเท่าที่ตนสังเกตการชกไฟต์ที่เพิ่งผ่านมา ก็เห็นว่าแบรดลี่ย์ยังคงชกในสไตล์เดิมๆ..(คำกล่าวของปาเกียว ก็ตรงกับความเห็นของยอดเทรนเน่อร์ “นาโช” เบริสเทน ที่มองว่าแบรดลี่ย์ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก)..
…หลายคนยอมรับว่า เทดดี้ แอตลาส สามารถพูดกระตุ้นให้นักมวยของเขาเกิดกำลังใจในระหว่างการชกได้ดี แต่ช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงแค่นี้ เทดดี้ ก็คงไม่สามารถทำอะไรให้แบรดลี่ย์เปลี่ยนแปลงสไตล์การชกได้มากนัก..ผู้สันทัดกรณีเห็นว่าถ้าแบรดลี่ย์ใช้สไตล์เดินหน้า หวังใช้หมัดอัดลำตัว (body shots) เหมือนเช่นที่ทำกับ แบรนดอน ริออส.. แบรดลี่ย์มีโอกาสถูกปาเกียวน็อกแน่..
แบรดลี่ย์ไม่อาจเอาชนะปาเกียวได้ด้วยสไตล์การเผชิญหน้ากับปาเกียว..มีทางเดียวคือการเคลื่อนที่หนีบ้างชกบ้างเหมือนกับสองครั้งที่ผ่านมา ซึ่งแบรดลี่ย์อาจชนะปาเกียวได้ถ้าใช้การชกแบบฉาบฉวย หาจังหวะโต้ตอบให้ได้อย่างชัดเจน.. ขอเพียงอย่าให้เคลื่อนไหวได้ช้าเพราะปัญหาของเท้าและน่องเหมือนสองครั้งที่ผ่านมาโดยหวังเพียงว่ากรรมการจะช่วยเขาได้..
ซึ่งย่อมเป็นไปได้ยากมาก เพราะกรรมการก็คงไม่อยากให้แมนนี่ ปาเกียว ต้องจบชีวิตนักมวยที่ดูไม่สวยแบบนั้นแน่.
-@@- แมนนี่ ปาเกียว พูดว่า.. “ผมอายุแค่ 37 ยังไม่ได้แก่ เพียงแต่ผมต้องโฟกัสไปที่งานใหม่เพื่อรับใช้และช่วยเหลือประชาชน.. ผมไม่เชื่อว่า แอตลาส จะช่วยอะไรเขาได้ ผมรู้สไตล์ของแบรดลี่ย์ดี เขาก็คือ ทิโมธี แบรดลี่ย์ คนเดิม”
News / Photo Credit : Boxing News 24 / Esther Lin/SHOWTIME
