<<>> หนังสือพิมพ์ “ลอส แองเจลิส ทูเดย์” ของสหรัฐอเมริการายงานว่า “บ็อบ อารัม” ประธานบริหาร บ.ท็อปแรงค์ โปรโมชั่น จำกัด ในฐานะโปรโมเตอร์และผู้จัดการส่วนตัวของ “แมนนี่ ปาเกียว” นักชกซูเปอร์สตาร์แห่งฟิลิปปินส์ให้สัมภาษณ์ว่า การชกของปาเกียวกับ “ทิโมธี่ แบรดลี่ย์” ที่ลาสเวกัส วันที่ 9 เมษายน 2559 เป็นการจัดศึกมวยโลกที่ต้องทุ่มเทกลยุทธ์ด้านการตลาด และโฆษณาประชาสัมพันธ์ เข้าช่วยเสริมรายได้และการขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดแบบเปย์ เปอร์ วิว มากกว่าปกติ เพราะสถานการณ์ของวงการมวยโลก กำลังอยู่ในภาวะซบเซา ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องไปถึงภาวะการขายลิขสิทธิ์ดังกล่าวอีกด้วย

 

GettyImages-472025860_0

 

      “บ็อบ อารัม” ยืนยันว่า การชกสุดยอดมวยโลกระหว่าง ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ กับ แมนนี่ ปาเกียว เมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 นั้น ถือว่าเป็นไฟต์สุดยอดและทำสถิติโลกในทุกๆ ด้าน หลังจากนั้นเป็นต้นมา คนดูมวยโลกก็ถึงจุดอิ่มตัวไปโดยปริยาย ไม่มีรายการใดประสบความสำเร็จด้านรายได้ค่าผ่านประตู และค่าลิขสิทธิ์แบบเปย์ เปอร์ วิว เลยแม้แต่รายการเดียว

 

          “สถิติเปย์ เปอร์ วิวของเมย์เวทเธอร์กับปาเกียว ที่ขายได้สูงสุดถึง 4 ล้านรายนั้น ทำให้ตลาดอิ่มตัวไปนานอย่างไม่น่าเชื่อ ขนาดการชกครั้งสุดท้ายของเมย์เวทเธอร์กับ อังเดร แบร์โต้ เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ยังขายเปย์ เปอร์ วิววได้แค่ 400,000 รายเท่านั้นเอง”

 

           โปรโมเตอร์อารัมกล่าวต่อไปว่า การชกของปาเกียวกับแบรดลี่ย์ 2 ครั้งที่ผ่านมา ครั้งแรกเมื่อค.ศ.2012 ขายเปย์ เปอร์ วิวได้ 890,000 ราย ครั้งที่ 2 เมื่อค.ศ.2014 ขายได้แค่ 800,000 รายเท่านั้นเอง ครั้งที่ 3 ในวันที่ 9 เมษายนที่จะถึงนี้ ประเมินแล้วน่าจะขายได้แค่ 500,000 รายเท่านั้น จึงต้องระดมกลยุทธ์ทุกอย่าง เพื่อกระตุ้นยอดขาย ยอดคนดูเปย์ เปอร์ วิว ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โดยตั้งเป้าหมายว่า ต้องขายให้ได้ถึง 800,000 รายเป็นอย่างน้อย.

 

@ credit  new-image- clip  : sportclassic

 

เชิญแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ

comments