10301447_10204408152629617_6200466215387441761_n

 

-@@- หลังตอบตกลง วันที่เดินทางไปร่วมประชุมแข่งขัน ที่ บริษัท เวิร์คพอยท์ ก็ติดทำงาน ราวสามทุ่มกว่าจะเสร็จ เดินทางไปถึงห้องประชุม

คุณอั๋น ก็ทักขึ้นมาก่อนคำแรกว่า “โห พี่สร้อยมาทีหลัง ส่วนใหญ่ คนที่มาทีหลัง จะได้แชมป์ทุกทีเลย ..555” ฟังแล้ว น่าดีใจ แต่ผมรู้สึกผิดคิดลึกๆว่า “เรามาสาย ทำให้ทุกคนรอ เค้าคงนั่งด่า เราอยู่ในใจ รึป่าวเนี่ย..!??”

สารภาพเลยว่า มีเวลาราวหนึ่งสัปดาห์ ที่ผมต้องกลับไปใช้ชีวิตเหมือน เด็กสมัยเรียนช่วงใกล้สอบอีกครั้ง คือต้องมานั่งรื้อหนังสือมวย อ่าน อ่าน อ่าน ดู ดูดู จนถึงตีห้า บางทียังสว่างยันหกโมงเช้า

ทั้งนี้ ก็เพียงเพื่อหวังแค่ว่า ไหนก็ไปแข่งแล้ว เจ้าประคูณเอ๋ย ขออย่าให้ตกรอบแรก ทายรูปภาพ 5 วินาทีเลย แค่เข้ารอบสองได้ ก็ดีใจอย่างที่สุดแล้ว ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ

วันที่เดินทางไปอัดเทป ซึ่งต้องใช้เวลาทั้งวัน ผมลางานไป มีเพียงภริยา กับลูกสาว และลูกชายคนแรก ที่เพิ่งอายุแรกเกิดไม่ถึงขวบเท่านั้น

 

ส่วนพ่อกับแม่ผมไม่อยากให้ท่านไป เพราะคิดว่า ผมคงไม่รอดสันดอน อย่าทำให้ท่านลำบากกับการเดินทางเลยดีกว่า แต่ก็ต้องขอบคุณ เพื่อนๆ ทั้งรุ่นพี่ และน้องๆ ที่ทำงาน ”ข่าวสด” ในยุคนั้น หลายต่อหลายคน ทั้งคุณเจี๊ยบ คุณก้อย พี่แขก พี่เมาท์ และ ก็คุณ วุฒิ เมืองมีน (ผู้ล่วงลับ) คงมีเท่านั้นมัง ที่อุตส่าห์โดดงาน ตามไปเชียร์ (ถ้ามีใครไม่ได้กล่าวถึง ต้องขออภัยด้วยใจจริงครับ)

สรุปถึงจะมีกองเชียร์ไปไม่กี่คน แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมี และเป็นกำลังใจ สำคัญที่สุด ก็คือ รูป “รูปภาพพ่อกับแม่ และครอบครัว” ของผมนี่แหละครับ เป็นรูปหมู่ ที่ผมใส่กระเป๋าเสื้อด้านซ้ายแนบตรงหน้าอก แอบพกเข้าไปแข่งขัน

 

ทุกคำถาม และทุกคำตอบ ถ้าใครไม่สังเกต ก็คงไม่เห็นพิรุธ เพราะผมจะแตะภาพแนบกับหัวใจทุกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจตอบคำถาม ทีละข้อ ทีละข้อ จนเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ (ไม่รู้ใครจะหาว่า ผมโกงข้อสอบ เพราะเอาเปรียบหรือป่าว แต่มันก็เนิ่นนานมาหลายปีแล้ว ขอเฉลยเลยก็แล้วกันนะครับ..)

เรื่องรายละเอียดของการแข่งขันนั้น อย่าไปใส่ใจเลยครับ เพราะทุกท่าน ก็มีความรู้ ความสามารถพอๆกันนั่นแหละ แต่ผมขอเล่าคร่าวๆ ว่า เมื่อมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ได้ด้วย กับ คุณโยธิน นักเรียนรุ่นน้อง ซึ่งอ่อนกว่าผมหลายปีแหละ

 

10154450_10203780228611909_7507157487895389623_n

 

ก่อนอื่นต้องขอแทรกอธิบายก่อนนะครับ ว่า คำถามในรายการนั้น มาอย่างไร ..!?? เพราะใครๆ หลายคนที่เคยชม อาจสงสัย ว่า มีการเตี๊ยม หรือ รู้คำตอบล่วงหน้ากันอย่างไรหรือไม่ ทำไม เค้าจึงตอบได้ ทั้งที่บางข้อนั้นยากแสนยาก

 

คือทางรายการนั้น ย่อมไม่มีภูมิความรู้ ในเรื่องข้อมูล ที่จะนำมาแข่งขันในทุกเรื่องอย่างแน่นอน แต่เขาจะให้ ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 5 ท่าน ส่งคำถาม พร้อมเฉลยคำตอบ คนละ 50 ข้อ สมมุตินะครับ ก็จะรวมเป็น 250 ข้อ ส่งให้ทางผู้จัด จากนั้นก็จะนำไปซุ่มและคัดเลือก บางทีก็อาจแก้ไข เปลี่ยนแปลงคำถามแล้วแต่ ความน่าจะเป็น นั้นจึงไม่แปลกเลย ว่า บางที คู่แข่งของคุณอาจจะตอบคำถามได้ เพราะมันอาจเป็นคำถามของเขา ที่ส่งให้ทางรายการ.. !!

สำหรับผม เมื่อมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ได้ดวลกับน้องโยธิน น้องแกตอบคำถามที่ว่า ..”คู่มวยชิงแชมป์โลกชาวไทย ซึ่งต้องถอดรองเท้าชกกัน คือใคร..???”

 

น้องโยธิน ตอบไม่ได้ จึงตกรอบ ในขณะที่ผม เฉลยได้ เพราะนั่นคือ คำถาม ที่ผมส่งไป แต่.. น้องโยธิน พูดเปรยๆ ขึ้นมาในรายการประโยคหนึ่งว่า … “ผมตอบไม่ได้ เพราะผมเกิดไม่ทัน ..!!” (เหตุการณ์นั้นเกิดในปี พ.ศ.2497 จำเริญ ทรงกิตติรัตน์ ชิงแชมป์โลก ครั้งแรก กับ จิมมี่ คารัทเธอร์ แต่เกิดฝนตกหนักจึงขอถอดรองเท้าชกกัน)

ผมได้ฟังน้องเค้าพูดดังนั้น ผมนึกสะกิดใจ เอะ..นี่ผม เอาเปรียบเด็กหรือเปล่า .. ซึ่งความจริงผมก็ยังไม่เกิดเหมือนกันแหละ แฮ่..

และเมื่อผมได้เป็นผู้ชนะ พร้อมเข้าไปตอบคำถาม แจ็คพอต แฟนพันธุ์แท้ ที่ “วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น” เป็นผู้เฉลย ได้ถูกต้องครบถ้วน

 

ผมได้เป็นแฟนพันธุ์แท้ แชมเปี้ยนโลกชาวไทย ในรอบค่ำคืนวันนั้น
ด้วยคำพูดของ น้องโยธิน ที่พร่ำเอ่ยหลังตกรอบการแข่งขันว่า เขามาแข่งเพราะไม่ต้องการของรางวัลสิ่งใด นอกจากเสื้อคลุมเขาทราย ไฟต์สุดท้ายของการชก ที่เป็นรางวัลเท่านั้น และแกก็ยังมีน้ำใจอวยพรให้ผม ตอบคำถามแจ็คพอตให้แตก

ซึ่งเมื่อผมทำได้สำเร็จ แต่ด้วย สะดุดตรงคำที่ว่า “เขายังเกิดไม่ทัน” รวมทั้ง ความคิดของผมเอง ที่ไม่ได้คาดหมายแต่แรกแล้ว ว่าผม จะได้แชมป์แฟนพันธุ์แท้ ในรอบค่ำคืนวันนั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ได้มา มันเป็นความฟลุ๊ค โดยแท้ เพราะคุณทัศนุ อัศวภพ ผู้เข้าร่วมแข่งขัน อีกท่านหนึ่งต่างหาก ที่ควรจะได้แชมป์ ทว่าต้องตกรอบไปก่อน (ยังไม่ทันได้ตอบจิ๊กซอว์ แต่ถูกน้องโยธิน ชิงตอบชนะน็อก)

 

unnamed

 

ดังนั้น เมื่อผมมาไกล จนเกินความคาดหมายของตัวเอง และดูเหมือนจะเป็นการเอาเปรียบ เด็กที่มีอายุน้อยกว่าเรา หลายปีด้วยซ้ำ ..
ผมจึงตัดสินใจ ยกของรางวัล “เสื้อคลุมเขาทราย” ที่ถือเป็นรางวัลใหญ่ มีค่าที่สุดในค่ำคืนนั้น ให้แก่น้องโยธิน ฟรีๆในทันที

จุ๊ จุ๊.. ไม่ใช่อยากเป็นฮีโร่ หรือพระเอก อะไรหรอกครับ ความจริงหน่ะ เสียดายแทบตาย เสื้อคลุมเขาทราย ของแท้ ไฟต์สุดท้าย ในการป้องกันครั้งที่ 19 นะครับนั่นหน่ะ .

..ถ้าไม่ติด ที่ว่า เราเอาเปรียบเด็กไปหรือเปล่า.. ใครมาขอซื้อ 2 หมื่น ผมก็ไม่ขาย นี่เรื่องจริง ถึงใครจะว่าโง่ แต่ผมก็มีศักดิ์ศรีของผม หน่ะ 555 (เอ๊ะ หรือ เราโง่ จริงว่ะ 555)

ถึงตรงนี้ หลายคน อาจว่า ผมโง่ หน่ะ แต่ยังครับ บทบาท พระเอกที่ผมแสนปลาบปลื้มในวันนั้น ยังไม่จบ

น้องโยธิน เดินเข้ามา หลังจบรายการ โดยมี เพื่อนนักเรียนสาวๆกองเชียร์ของน้องเค้านั่นแหละ เดินตามมาเป็นโขยงเชียว

 

โยธิน พูดเสียงดังฟังชัด พร้อมล้วง พระสร้อยคอทองคำเส้นเบ้อเริ่ม (รวยแฮะ) ออกมาพวงใหญ่ว่า “ผมว่า ผมมีของดี หลวงพ่อไพรีพินาศเลี่ยมทองปลุกเสกแล้วเชียวนะ แต่กลับแพ้พี่ได้ พี่มีของดีอะไรเหรอ…??”

ผมอุ้มลูกชายตัวเอง ระหว่างที่ภริยาและลูกสาวเดินเข้ามาหา (เพราะเขาไม่ให้เด็กเล็กเข้าห้องส่ง ภริยาและลูกชายจึงต้องรออยู่ข้างนอกตลอดแข่งขัน)

ผมค่อยๆตอบ คำถามน้องเขาเบาๆว่า … “พี่ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แต่มีแค่ รูปภาพ ตัวแทน พ่อแม่ และครอบครัวของพี่เท่านี้เอง”

สาบานได้ ผมตอบอย่างราบเรียบธรรมดา ใจไม่ได้คิดจะข่มอะไรเขา แต่ เสียงที่ได้รับกลับมา คือ เสียงร้องของสาวๆ นักเรียน กองเชียร์โยธินที่เอ่ยขึ้นพร้อมกันว่า

 

..”โอ้ โอววว โหยยยยยยย ว้ายยย ปลื้มอ่ะ !!!
“ คุณผู้อ่านครับ ใครจะว่า หรือหมั่นไส้ ผมก็แล้วแต่ แต่เสี้ยววินาทีนั้น โดยไม่นึกฝัน ผมว่า ในชีวิตนี้ มีแค่ช่วงเวลา ณ ขณะนั้นแหละครับ ที่ผมโคตรหล่อ (ชมตัวเอง) และเท่ห์ ที่สุดเลย นี่ผมพุดอะไรไปหน่ะ 5555”

ปล.ตอนท้าย ยังมีอีกนิด หนึ่ง หลังได้ รางวัลแฟนพันธุ์กลับบ้าน และออกอากาศ ในราวเดือนกุมพาพันธ์ 2002 วันนั้นผมปิดมือถือ และเข้าไปดูหนังลำพังคนเดียว ที่เมเจอร์รัชโยธิน หลังเลิกงาน เพราะผมกลัว และตื่นเต้นกับตัวเองอย่างบอกไม่ถูก
และก็ไม่รู้ ทำไม จึงทำอย่างนั้นเหมือนกัน แทนที่จะรอดูซิว่า .. จะมี ใครโทรหา เราบ้างไหม เมื่อดูผมออกรายการทางทีวีจบ แต่ผมกลับกลัว ในเรื่องบางเรื่อง ที่ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

วันต่อมา คุณพูนเพชร เพชรใหม่ เจ้านายคนแรกของผม ผู้ตั้งชื่อ ในวงการนักข่าว นักเขียน เป็นมงคลนามให้ผมว่า “สอดสร้อย” ทักท้วงขึ้นว่า

 

10303762_283757155119738_8115315372400461917_n
.

. เฮ้ย .. ถาดรางวัล ของวีระพล ที่เป็นรางวัลนั้น เขาได้มา เพราะหยาดเหงื่อ ชื่อเสียงของตัวเขาเองไปแลกเลือดมานะโว้ย ไปเอาของเขามาทำไม .. เอาไปคืน เขาซะ ..!!

คุณผู้อ่านเชื่อไหม .. ผมไม่ลังเล แม้แต่นิดเดียว วันรุ่งขึ้น ผมพาภริยาและลูกชายแรกเกิดนั้น ไปหา วีระพล ที่ค่ายนครหลวงโปรโมชั่น ผมคืนถาดรางวัลเกียรติยศ นั้นให้เขา โดยไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน ขอเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

นั่นคือ การถ่ายรูป หมู่วีระพล กับผมและครอบครัว พร้อมถาดรางวัลใบนั้น ..แค่นั้น ผมพอใจ !!
แม้จะมีเสียงก่น ตามมา จากแฟนมวยบางคนในภายหลังว่า เฮ้ย เอาไปคืนเขาทำไม นั่นเขาให้เป็นรางวัลพี่แข่งขันได้มานะ
และไม่ว่า ใครจะพูดอย่างไร ผมเชื่อด้วยตัวเอง ว่าผมตัดสินใจถูกด้วยตัวเอง

 

คุณผู้อ่านเชื่อไหมครับ .. 10 ปีต่อมา เมื่อ “แม่ปลอด มั่งมี” ของผมสิ้นลม วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น แชมเปี้ยนโลกชาวไทย คนดัง ผู้นี้ ขับรถจากจังหวัดชัยภูมิ มาร่วมเป็นเกียรติไว้อาลัยให้กับ แม่ของผมในงานพิธีณาปนกิจ

สิ่งนี้ ผมถือว่า เป็นบุญคุณและน้ำใจตอบแทนสำหรับตัวผม และครอบครัว อย่างสุดซึ้ง ซึ่งถือว่า เป็นเรื่องที่ผมจะจดจำไปจนวันตาย

 

เรื่องราวของแฟนพันธุ์แท้ คนนึง ที่ความจริงแล้ว ได้สิ่งตอบแทน มามากมาย เกินความคาดหมาย ไม่จำเป็นต้องเป็นเงิน รางวัล แต่ได้มา ด้วยความเคารพนับถือ ความจริงใจ และมิตรภาพ ที่มีให้คนๆหนึ่งอย่างผม ก็จบลง ง่ายๆ แบบนี้แหละครับ …

 

unnamed (1)

 

 

 

 

@ ข่าวที่เกี่ยวข้อง..

–    “แฟนพันธุ์แท้” มันแค่เรื่อง ฟลุ๊ค @ชมคลิป@

 

เชิญแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ

comments