<<>> ดูเหมือนว่าการชกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (17 ธันวาคม 2568) ณ ซิดนีย์ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ ทิม ซู (Tim Tszyu) ในวัย 31 ปีจริงๆ แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าฟอร์มของเขาอาจจะไม่ดุดันเท่าช่วงท็อป แต่การชนะคะแนนแบบขาดลอย (100-90, 100-91) ต่อ แอนโธนี เวลาสเกซ ก็ช่วยกู้ศรัทธากลับมาได้ในระดับหนึ่งครับ

 

 

การตัดสินใจแยกทางกับอาของเขา อิกอร์ โกลูเบฟ และผู้จัดการคู่ใจที่อยู่กันมานาน เพื่อไปร่วมงานกับ เปโดร ดิแอซ (Pedro Diaz) ที่ไมอามี ถือเป็นการ “ออกจาก Comfort Zone” อย่างแท้จริง

ดิแอซขึ้นชื่อเรื่องการปรับจูนมวยที่เน้นพละกำลังให้มีความเป็น “มวยไอคิว” มากขึ้น (เหมือนที่เคยทำกับ มิเกล ค็อตโต) ซู ยอมรับว่าเขาต้องการพัฒนาทักษะการป้องกันตัวและจังหวะฝีมือ เพื่อไม่ให้ต้องไปแลกหมัดจนเจ็บตัวเหมือนในไฟต์ที่แพ้ ฟันโดรา หรือ มูร์ตาซาลีเยฟ

ข้อกังขา: “ขาลง” หรือ “ช่วงปรับตัว”? มีการตั้งข้อสังเกตว่าเขาอาจเลยจุดสูงสุดไปแล้ว ซึ่งมีเหตุผลสนับสนุนคือ

 

            www.foxsports.com.au

 

ช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา เขาแพ้ถึง 3 จาก 4 ไฟต์หลังสุด (ก่อนจะมาชนะเวลาสเกซ) ร่างกายที่ผ่านศึกหนักมา 29 ไฟต์อาจเริ่มส่งสัญญาณล้า แม้จะชนะขาด แต่บางส่วนมองว่าเขาน่าจะน็อกเวลาสเกซได้เร็วกว่านี้ หากยังคงความ “โหด” เหมือนแต่ก่อน

ทิม ซู เอยเขาไม่ได้กลับมาเพียงเพื่อชกอุ่นเครื่อง แต่เขาวางแผนที่จะกลับไปเป็น “เบอร์ 1” ของรุ่นจูเนียร์มิดเดิลเวทให้ได้อีกครั้ง เป้าหมายหลักประกาศเรียกหา แซนเดอร์ ซายาส (Xander Zayas) แชมป์โลก WBO รุ่นปัจจุบันทันทีหลังจบไฟต์ นี้

แต่ ทีมงานวางแผนจะให้เขากลับมาขึ้นสังเวียนอีกครั้งเร็วที่สุดในช่วง กุมภาพันธ์ 2026 โดยอาจเป็นศึกรีแมตช์กับ โทนี่ แฮร์ริสัน หรือไฟต์ใหญ่ในสหรัฐฯ เลย รอลุ้นกัน

 

FOX SPORTS AUSTRALIA

 

                (ขอกำลังใจ ให้เว็บ ได้อยู่  1คลิก 1โคนา เมื่ออ่านจบ ครับ..

news  Photo Cre dit  :: www.boxingscene.com

*คลิก* ติดตามต่อกับพันธมิตรข่าวเว็บ boxingboy2021.blogspot.com