<<>> คุณชาตรีเปิดใจกรณีเจรจาเรื่องสัญญากับ Francis Ngannou ‘อันที่จริงแล้วผมไม่ควรนำเรื่องแบบนี้มาพูดออกสื่อตั้งแต่แรกเลย!’
 
ต่อความยาวสาวความยืดเป็นมหากาพย์เลยจริงๆนะครับสำหรับประเด็นนี้ โดยก็อย่างที่เราทราบกันครับ เมื่อเร็วๆนี้เพิ่งมีการประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการมาว่า Francis Ngannou อดีตแชมป์รุ่นเฮฟวี่เวธของ UFC เพิ่งปิดดีลเซ็นสัญญากับ PFL ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยหลังจากที่ก่อนหน้านั้นมีข่าวลือหลุดมาตลอดเลยว่าเจ้าตัวไปดีลกับค่ายนู้นค่ายนี้มา
 
 
 
 
และหนึ่งในสมาคมที่มีข่าวเรื่องการเจรจากับ Ngannou ก็คือ ONE Championship นี่แหละ กระนั้นจากบทสัมภาษณ์ของคุณชาตรี ศิษย์ยอดธง CEO และประธานของ ONE Championship ดูเหมือนว่าดีลของสมาคมกับ ONE Championship จะล่มลงไปเพราะทาง Ngannou เรียกร้องสิ่งต่างๆมากเกินไปทั้งๆที่ตัวสมาคมยื่นเงินก้อนโตกว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แล้วแท้ๆ
 
นั่นทำให้ Ngannou เหมือนจะออกอาการไม่โอเคซักเท่าไหร่และออกมาชี้แจงในมุมของตัวเองว่าเขาไม่เคยรู้เรื่องสัญญา 20 ล้านอะไรนั่นเลย เพราะตอนที่เขาคุยกับคุณชาตรี ตัวเขาได้ปิดดีลกับ PFL ไปแล้วและการพูดคุยส่วนใหญ่ก็เป็นคุณชาตรีที่คอยบรรยายสรรพคุณของ ONE Championship ว่าสมาคมนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด
 
 
ปรากฎว่าหลังจากที่ Ngannou ออกมาพูดเรื่องนี้ได้ไม่นาน ตัวคุณชาตรีก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ชี้แจงอย่างรวดเร็วเลยผ่านรายการ Weigh In ว่า
“ผมยังไม่ได้ดูคลิปเต็มๆหรอก แต่ก็เห็นหัวข่าวบ้างแล้วล่ะ”
“เท่าที่ผมทราบก็คือ Matt Hume กับทีมงานของผมมีการประสานงานไปยัง Marquel (Martin) และ Andrew ที่เป็นผู้จัดการกับทนายความของ Francis เมื่อ 3-4 เดือนก่อน ตัวผมเองไม่เคยลงไปยุ่งกับเรื่องนี้หรอกเพราะว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะไปทำอะไรแบบนี้ แน่นอนว่าผมกล้ายืนยันเลยว่าเรามีการยื่นข้อเสนอไปยังทีมงานของเขา ดีไม่ดีอาจจะมากกว่าหนึ่งครั้งด้วยซ้ำ”
 
 
 
“ผมเชื่อว่า Matt Hume น่าจะพูดเรื่องสัญญา 20 ล้านกับ Marquel ไปแล้วแหละ เหมือน Marquel จะตอบกลับมาด้วยซ้ำว่าข้อเสนอของเราทำให้เรากลายเป็นหนึ่งในตัวเต็งสำคัญที่อาจจะได้ปิดดีลกับ Francis”
“Francis บอกทุกคนไปว่าผมไม่เคยพูดเรื่องตัวเลขกับเขาไป ผมว่านั่นฟังดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย คุณลองคิดดูนะว่าคนระดับ CEO อย่างผมจะมานั่งคุยเล่นๆ 3-4 ชั่วโมงโดยไม่พูดถึงเรื่องตัวเลขเลยหรอ คือผมไม่ได้จะบอกนะว่า Francis โกหก ของแบบนี้มันอยู่ที่มุมมองของแต่ละคน ส่วนตัวแล้วผมคิดว่า Francis กับทีมงานของเขาน่าจะไม่ได้อัพเดทเรื่องสัญญาที่เรายื่นไปแน่ๆและผมก็คิดว่าเขาคงรู้เรื่องนี้ไปแล้วเลยไม่ได้ขยี้ถามไปมากนัก”
 
 
 
 
 
 
“แน่นอนว่าจุดประสงค์ของการนัดพบครั้งนี้สำหรับผมไม่ใช่แค่การมาพูดคุยกันขำๆ ผมคือนักธุรกิจและสิ่งที่ผมทำลงไปก็คือการแสดงให้ Francis เห็นว่าทำไม ONE ถึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายพวกเราก็ไปด้วยกันไม่ได้ มีการแยกย้ายจากกันด้วยดี จับมือกัน”
“ระหว่างที่เราคุยกัน มีอยู่ช่วงนึงจริงๆนะที่ผมบอกเขาว่าเราจะถอนดีลที่เรายื่นให้เขา เพราะฉะนั้นผมจึงพูดความจริงแน่นอนเกี่ยวกับเรื่องถอนดีล สิ่งที่ผมมองว่าผิดพลาดมากที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือการนำเรื่องนี้มาพูดออกสื่อ มันทำให้พวกสื่อเริ่มปั่นข่าวนี้กันจนเราเริ่มควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่ นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกแย่ที่สุดเลย”
 
 
“ในบรรดาสิ่งที่ Francis พูดออกมา มีหลายเรื่องมากที่เป็นความจริง แต่ก็มีหลายเรื่องเหมือนกันที่เขาคงไม่รู้หรือไม่ทราบความจริง เช่นดีลที่ทีมงานของผมยื่นไปให้ทีมงานของเขา บางทีคนเราก็สื่อสารกันผิดพลาดแบบนี้แหละ ยิ่งพอมันกลายเป็นเรื่องที่ถูกเล่าผ่านสื่อ อะไรๆก็ยิ่งวุ่นวายไปหมด คนนู้นพูดแบบนี้ คนนี้พูดแบบนั้น แทบไม่รู้เลยว่าจริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“สุดท้ายพอเราสัมผัสได้ว่า Francis ได้สิ่งที่ต้องการแล้ว เราก็เลยถอนดีลออกไป ก็ไม่มีใครเสียผลประโยชน์อะไรหรอก อย่าง Francis เขาก็ได้ข้อเสนอที่เขาพอใจ ซึ่งข้อเสนอที่ว่ามันเป็นข้อเสนอที่เราให้เขาไม่ได้ ก็ขอแสดงความยินดีกับ PFL และ Francis ด้วยที่สามารถปิดดีลกันได้อย่างลงตัว”
 
 
“ผมไม่รู้หรอกนะว่า Francis พูดอะไรออกไปบ้าง ก็อย่างที่ผมบอกไป ผมเห็นแค่ในหัวข้อข่าวบางส่วนเท่านั้น แต่ผมก็คงไม่ย้อนกลับไปดูเทปพวกนั้นหรอก มันไม่คุ้มค่ากับเวลาที่ผมจะเสียไปหรอก เอาเป็นว่าสุดท้าย Francis ก็เซ็นสัญญากับ PFL ไปแล้ว ส่วนผมปิดดีลกับเขาไม่ได้ มันไม่มีดราม่าอะไรทั้งนั้น เรื่องทั้งหมดก็แค่โดนพวกสื่อปั่นข่าวกันไปมาเฉยๆ”
 
 
 
 

เชิญแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ

comments