<<>> หลังจากที่ทาง WBC ได้ประกาศเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ว่าการเจรจาสำหรับไฟต์สำคัญระหว่างแชมป์ ซูเปอร์ไลท์เวท เรจิส โพรเกรส ชกสหรัฐอเมริกา กับ อดีตแชมป์โลกในรุ่นนี้สองสถาบัน WBC -WBO โคเซ รามิเรซ ชาติเดียวกัน ยังหาข้อยุติไม่ได้ ทั้งที่มีการต่อรองในเงื่อนไขกันหลายครั้งหลายวิธี แต่ที่สุดก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ จนทางสภามวยโลกอนุญาตให้ โพรเกรส ชกกับคนอื่นไปก่อน แล้วค่อยมาเจรจากันอีกที
โดยการประมูลในครั้งนี้ทาง WBC ได้เสนอเงินรังวัล 70 แชมป์เปี้ยน และ 30 สำหรับผู้ท้าชิง ซึ่งทางทีมงานของรามิเรซได้แสดงความไม่พอใจเลย ในเรื่องนี้ จนทำให้ทาง WBC ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขใหม่มาเป็น 65-35 แต่ ทางฝ่ายรามิเรซก็ยังไม่เห็นด้วย พร้อมกับเสนอแนวทางใหม่ “อย่างน้อย 60-40”
ที่จริงแล้ว “ไฟต์นี้ควรเป็น 50-50 ผมก็โอเค หากลดให้ลง 10% ภึงแม้ผมก็เสี่ยงนะที่จะโดนลดค่าตัวตามไปด้วย” รามิเรซกล่าวกับ ESPN “นี่เป็นแมตช์ที่ยิ่งใหญ่มาก ผลแพ้ชนะมีค่ามาก ผมหวังว่าสักวันหนึ่งทั้งสองฝ่าย ครวจะได้รับรางวัลที่คู่ควรจนทำให้มันเกิดขึ้นได้” รามิเรซเพิ่มเติม
เรจิส โพรเกรส (ชนะ 28 ครั้ง KO 24 ครั้ง แพ้ 1 ครั้ง) แพ้แรกครั้งเดียวให้กับ จอช เทย์เลอร์ คู่ปรับดาวเหนือ แชมป์ IBF แดนผู้ดีสหราชอาณาจักร ในรอบรองชนะเลิศ WBSS เมื่อเดือนสิงหาคม 2019 จนทำให้เขาตกจากตำแหน่งซูเปอร์ WBA.. แต่ไฟต์ล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว เขากลายเป็นแชมป์ WBC อีกครั้งด้วยชัยชนะ KO ในยก 11 เหนือ โฮเซ เซเพด้า (สหรัฐฯ) คู่ชกในไฟต์ชิงว่างซูเปอร์ไลท์เวท 140ปอนด์ หลังเจ้าเทย์เลอร์ สละไป
ส่วน โคเซ รามิเรซ (ชนะ 27 ครั้ง ชนะน็อก 17 ครั้ง แพ้ 1 ครั้ง) อดีตแชมป์ WBC-WBO แพ้ให้กับเทย์เลอร์เช่นกันในรอบชิงชนะเลิศ WBSS เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา WBC สั่งให้ โฮเซ เซเพด้า และ รามิเรซ ขึ้นชกชิงแชมป์โลกที่ว่าง ของ เทย์เลอร์ ที่สละไป แต่ทาง รามิเรซ ปฏิเสธโดยอ้างว่าเขามีงานแต่งงานของตัวเองที่สำคัญกว่า จนทางWBC อนุมัติให้เจ้า โฮเซ เซเพด้า ขึ้นไปชิงกับ เรจิส โพรเกรส แทนนั่นเอง และโฟรเกรสก็โชว์ฟอร์มคว้าเข็มขัดแชมป์นี้ ไปในที่สุด..นั่นเอง
@ News Photo Credit :: 
