Site icon มวยสากล มวยโลก มวยไทย

เปิดใจสุขเกษม ผมรักมวยและจะไม่ยอมแพ้ในโชคชะตา”

<<>> ต้อนรับเข้าสู่รั้วคนไทยเรคอีกครั้งด้วยความยินดี สำหรับพ่อลูกอ่อนหมาด คุณ อนุวัต ที่ช่วงนี้ทำหน้าที่ แฟมิลี่แมน ได้อย่างเยี่ยมยอด สมกับคนรุ่นใหม่ 2016 แต่กับใจคนที่รักมวยแล้ว อิอิ.. ว่างเมื่อไหร่จับปากกาเมื่อนั่น และนี้คือบทความชิ้นล่าของคุณ อนุว้ต ผู้หยั่งเห็น เรามารับรู้ รับทราบพร้อมๆ กันเลยนะครับ

 

    “ผมคิดว่าผมชนะ บิลลี่ ดิ๊บ นะ หลังจบเกมไม่มีแฟนมวยไปห้อมล้อมเค้าเท่าไรนัก พวกเค้ากลับมายืนปรบมือให้ผมแทน”

 

สุขเกษม เกียรติชาญสิงห์ อดีตแชมป์พาบ้า รุ่นซูเปอร์แบนตัมเวทชาวไทย เปิดใจหลังเดินทางไปเป็นคู่อุ่นเครื่องให้กับอดีตแชมป์โลกคนดังชาวออสซี่ บิลลี่ ดิ๊บ เมื่อค่ำคืนวันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ที่ออสเตรเลีย

 

     ผลการชกที่เมืองนิว เซาท์เวลส์นั้น ไม่ได้ผิดไปจากการคาดการณ์ของแฟนมวยทั่วโลกเท่าใดนัก คะแนน 79-73, 79-72 และ 79-72 ของบิลลี่ ดิ๊บ ไม่ใช่เรื่องเหนือการคาดหมายและไม่ได้ต่างไปจากชื่อเสียงที่ต่างกันราวฟ้ากับเหวของนักมวยทั้งคู่แต่อย่างใด กระทั่งผมเองหลังจากทราบผลการแข่งขันทางช่องทางต่างๆก็ไม่ได้สนใจในประเด็นความพ่ายแพ้ครั้งนี้ของสุขเกษมเท่าใดนัก

 

 

  หากแต่เทคโนโลยีของโลกปัจจุบันอันเกิดจากการสร้างสรรค์ด้วยมันสมองของ มาร์ค ซัคเกอร์เบิก แอปพลิเคชั่นเฟซบุคของเขา ได้นำพาผมไปยังเรื่องน่าสนใจของเกมการชกครั้งนี้ ราวกับได้เข้าไปนั่งขอบสนามด้วยตนเองเลยทีเดียว เพราะหลังจากการพูดคุยผ่านช่องแชทกับสุขเกษม เกียรติชาญสิงห์ ผมก็ได้รู้เรื่องลึกเบื้องหลังที่น่าตกใจอีกหลายอย่าง

 

 

 

       “ผมเดินทุกยกครับ เอาเข้าจริง ผมว่าเขาไม่เก่งเท่าไหร่นะ เขาต้องกอดเพื่อทำลายจังหวะผมหลายครั้ง รวมถึงในยกที่ 7 ที่เขากอดผมอีก แต่ขาไปพันกัน สะดุดหกล้ม กรรมการมาสั่งตัดคะแนนผมเฉยเลย”

 

สุขเกษม เริ่มเล่าเรื่องราวเมื่อค่ำคืนก่อนให้ผมฟัง ซึ่งผมสังเกตุได้จากสำนวนที่ส่งผ่านมาว่า “เจ้าคิด” หรือสุขเกษมเองเสียดายกับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ไม่น้อย เนื่องจากเจ้าตัวมีความมั่นใจว่าสามารถต่อกรกับอดีตแชมป์โลกเจ้าถิ่นได้อย่างไม่เป็นรอง

 

          “ผมสู้ได้ทุกยก คิดว่าน่าจะชนะด้วย โดยเฉพาะยก 8 ถ้ายาวกว่านี้อีกสักสิบวิ ผมว่าผมอาจจะน็อคเขาก็เป็นได้นะ”  

 

 

         ผมเองเริ่มรู้สึกสนใจในตัวสุขเกษมมากขึ้น ด้วยไม่คาดคิดเหมือนกันว่าจะมีนักมวยชาวไทยกล้าพูดว่า อดีตแชมป์โลกอย่างบิลลี่ ดิ๊บ ไม่เก่งเท่าไหร่ และเนื่องด้วยสุขเกษมก็เป็นนักมวยที่ไปชกต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ จึงได้มีโอกาสประหมัดกับมวยสร้างเจ้าถิ่นเก่งๆหลายคน ผมอยากรู้ว่าถ้า บิลลี่ ดิ๊บไม่เก่งเท่าไหร่ แล้วใครกันที่เก่งสำหรับ สุขเกษม ผมลองถามถึง

 

มาร์ค แมกซาโย่ เจ้าหนูดาวรุ่งชาวฟิลิปปินส์ เจ้าของสถิติชนะรวด 13 ไฟต์ที่เอาชนะน็อคสุขเกษมไปได้ในไฟต์ก่อนหน้านี้ ซึ่งปัจจุบัน มาร์ค แมกซาโยเป็นแชมป์เยาวชนหลายสถาบัน และผ่านการชิงเข็มขัดด้วยชัยชนะที่อเมริกามาเป็นที่เรียบร้อย

 

        “คนนั้นล่ะเก่งครับ เก่งที่สุดตั้งแต่เจอมาเลย หมักหนัดและรวดเร็วมาก”

 

 

      “เจ้าคิด” เล่าถึงเจ้าหนูวัย 20 จากตากาล็อก ด้วยความชื่นชม ซึ่งผมคิดว่าการยอมรับในตัวคู่แข่ง การรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย รู้น้ำใจนักกีฬาและเก็บนำเอาข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นมาปรับปรุง มันจะเป็นหนทางหนึ่งที่ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นได้ ซึ่งจุดนี้ผมเองก็ชื่นชมในตัวสุขเกษมพอสมควร 

 

“แล้วอิ๊ค หยางล่ะ หมอนี่ดังใช้ได้เลยในประเทศจีน แต่จริงๆน้ำหนักตัวมันต่างกันเยอะเกิน ลองพูดถึงเขาหน่อยสิ” ผมปูคำถามเรื่องคู่ชกเก่งๆของ “เจ้าคิด” ไปที่อิ๊ค หยาง ว่าที่แชมป์โลก (ขณะนั้น) ชาวจีน ซึ่งเป็นอีกคนที่สามารถเอาชนะน็อคสุขเกษมไปได้

 

“ครับ จริงๆอิ๊ค หยางไม่เก่งเท่าไหร่นะ แต่ด้วยความที่ตัวเขาใหญ่มาก หมัดเลยหนักมากตามไปด้วย”

 

 

เรื่องน้ำหนักตัวก็เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจและน่าตกใจมากของสุขเกษมเช่นกัน ด้วยความที่เสียเปรียบด้านรูปร่างๆแทบทุกไฟต์ที่ขึ้นชก ผมถามเขาว่าน้ำหนักตัวธรรมชาติของเขาเท่าไหร่ และถนัดชกในพิกัดไหน

 

“118 ปอนด์ครับ รุ่นแบนตัมเวท ผมชกได้สบายๆ เพราะน้ำหนักตัวแบบปล่อยๆของผมแค่ซัก 59-60 กิโลกรัมเอง”

 

น่าตกใจใช่มั้ยครับ เพราะการชกกับบิลลี่ ดิ๊บ ที่ผ่านมาเป็นการชกในพิกัดซูเปอร์เฟเธอร์เวท หรือ 130 ปอนด์ ซึ่งมันต่างจากพิกัดปกติของนักมวยชาวไทยถึง 12 ปอนด์ เลยทีเดียว และถ้ายังตกใจไม่พอผมจะพาทุกท่านย้อนไปยัง 4 ไฟต์ล่าสุดของสุขเกษม

 

19 เมษายน 2557 ชนะน็อคมวยสร้างแทนซาเนีย ที่ประเทศแทนซาเนียในพิกัด 130 ปอนด์

 

26 สิงหาคม 2557 แพ้น็อค อิ๊ค หยาง ที่ประเทศจีน ในพิกัด 135 ปอนด์ 

 

7 กุมภาพันธ์ 2558 แพ้น็อค มาร์ค แมกซาโย ที่ฟิลิปปินส์ ในพิกัด 126 ปอนด์ และ

 

26 กุมภาพันธ์ 2559 แพ้คะแนน บิลลี่ ดิ๊บ ที่ออสเตรเลีย ในพิกัด 130 ปอนด์

 

 

 

ซึ่งจริงๆแล้ว นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตการชกมวยของสุขเกษม ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า แทบจะแบกน้ำหนักมาทุกไฟต์ตั้งแต่เริ่มชกเลยทีเดียว 

 

“มีครั้งนึง นานหลายปีดีดักแล้ว เป็นการชกกับนักมวยชาวไทยด้วยกันนี่แหละ คราวนั้นชกตอนกลางคืน ชั่งน้ำหนักกันตอนเช้าผมมาพอดีพิกัด 126 ปอนด์ ซึ่งผมก็ว่าผมเสียเปรียบตัวแล้วนะ เพราะผมทำน้ำหนักขึ้นมา แต่คู่ชกผมเขาทำน้ำหนักไม่ได้ แต่ทางผมก็โอเคยอมชกกันตามนั้นแหละ ไฟต์นั้นสุดๆเลย เหมือนพ่อกับลูกต่อยกัน ฮ่าๆ”

 

สำหรับเรื่องราวของสุขเกษมที่ได้คุยกันยังคงไม่จบเพียงเท่านี้ แต่ผมขอต่อในตอนหน้านะครับ เนื่องจากถ้ามันยาวเกินเดี๋ยวจะกลายเป็นน่าเบื่อไปเสีย ในตอนหน้า สุขเกษมจะมาเล่าเรื่องเป้าหมายของการชกมวย ความรักและศรัทธาที่เขามีต่อกีฬามวย เรื่องบังเอิญที่ทำให้เขาได้ขึ้นชกครั้งแรก และสมัยลงนวมครั้งแรกให้กับ ซัดดัม เกียรติยงยุทธ และต่อยนักมวยรุ่นพี่ชื่อดังถึงกับเมาหมัด

 

รับรองว่าจะเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมากๆของนักมวยธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา “สุขเกษม เกียรติชาญสิงห์”

 

 

@ credit news : Aniwat Injongkol

 

ภาพประกอบ : http://www.dailytelegraph.com.au, philboxing.com, boxrec.com

 

เชิญแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ

comments

Exit mobile version